(15 มี.ค.) ที่ห้องประชุมศรีปราชญ์ ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด รอง กอ.รมน.จังหวัด ฝ่ายทหาร ร่วมในพิธีเปิด โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ๆ ละ 20 คน ในลักษณะโต๊ะกรม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 กลุ่มการเมืองท้องถิ่น ได้แก่ กลุ่มสนับสนุนพรรคการเมือง กลุ่มทุนทางการเมือง กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น และกลุ่มแกนนำมวลชนทางการเมือง กลุ่มที่ 2 กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มนักศึกษา สื่อมวลชน กลุ่มองค์กรภาคประชาสังคม(CSOs) กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน(NGOs) และกลุ่มที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง กลุ่มที่ 3 ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พนักงานรัฐวิสาหกิจ หอการค้า และกลุ่มองค์กรที่ทำงานร่วมกับส่วนราชการ และกลุ่มที่ 4 กลุ่มผู้นำชุมชน ผู้นำจิตวิญญาณ ชาวบ้านทั่วไป กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง กลุ่มคนในท้องถิ่นที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการรัฐและกลุ่มสาขาอาชีพ โดยให้แสดงความคิดเห็นใน 10 ประเด็นคำถามตามที่นายกรัฐมนตรีกำหนดแนวทางไว้ คือ ด้านการเมือง ด้านความเหลื่อมล้ำ การครอบครองที่ดินทำกินของเกษตรกร และการบริหารจัดการน้ำ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ด้านสังคม เศรษฐกิจ การศึกษา และสาธารณสุข ด้านสื่อสารมวลชน ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านการต่างประเทศ ด้านการป้องกันทุจริตคอรัปชั่น และด้านยุทธศาสตร์ 20 ปี
นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นไปตามแนวทางที่ส่วนกลางกำหนดไว้ เป็นความร่วมมือกันของจังหวัด กอ.รมน.และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง แบ่งผู้แสดงความคิดเห็นเป็น 4 กลุ่ม ใน 10 ประเด็นหลัก กลุ่มละ 3 ชั่วโมง ช่วงเช้าวันนี้เป็นการแสดงความคิดเห็นของ กลุ่มที่ 1 ช่วงบ่าย กลุ่มที่ 2 วันที่ 16 มีนาคม 2560 ช่วงเช้ากลุ่มที่ 3 และช่วงบ่ายกลุ่มที่ 4 ซึ่งแต่ละคนแสดงความคิดเห็นได้ 2 รอบ รอบแรก 5 นาที รอบสอง 3 นาที มีเจ้าหน้าที่การบันทึกถ้อยคำที่แสดงความคิดเห็นในแต่ละประเด็นเพื่อสรุปให้รัฐบาลต่อไปเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการพัฒนาไทยให้มีความมั่นคงทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคมต่อไป
“ผู้ที่เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นจะไม่สามารถนำอุปกรณ์สื่อสาร และเครื่องบันทึกเสียงทุกชนิดเข้าไปในห้องประชุมได้ และไม่มีการนำข้อมูลที่แสดงความคิดเห็นในแต่ละเรื่องออกเผยแพร่สู่สาธารณะด้วย เพราะอาจจะไปกระทบและพาดพิงบุคคลที่สาม ทั้งในระดับปัจเจกและองค์กรซึ่งไม่เหมาะสมและอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้ง แตกแยกอันต่อไปอีกก็เป็นได้”
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามความคิดเห็นของผู้ที่เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่เห็นว่าการกิจกรรมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง เป็นเรื่องที่ดีแต่การที่กำหนดประเด็น 10 ประเด็นและเวลาให้ผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นรอบแรก 5 นาที รอบ 2 อีก 3 นาที เป็นระยะเวลาที่น้อยเกินไป จึงมีความรู้สึกว่าการกิจกรรมไม่ได้มุ่งหวังเพื่อนำไปสู่ผลการปฏิบัติอย่างแท้จริง แต่เป็นเพียงการดำเนินการที่มุ่งเพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ของการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกสาขาอาชีพเท่านั้น ในทางปฏิบัติหลังการจัดกิจกรรมจึงไม่น่าจะมีผลต่อการแก้ปัญหาความแตกแยกของคนในชาติได้มากนัก จึงอยากให้รัฐบาลแก้ไขรูปแบบวิธีการโดยมอบโจทก์ 10 ประเด็นไปให้บุคคลเป้าหมายมี่จะให้แสดงความคิดเห็น พร้อมกำหนดระยะเวลา 5-10 วันเพื่อให้เขาได้แสดงความคิดเห็น เสนอแนะแนวทางต่าง ๆ ในเอกสารอย่างเต็มที่ก่อนนำส่งจังหวัดรวบรวมเสนอรัฐบาล ซึ่งน่าจะได้อะไรที่เป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าวิธีการที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้.
ไพฑูรย์ อินทศิลา/กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
15 มี.ค. 2560