(12 มีนาคม 2560) ที่โรงแรมราวดี ถนนอ้อมค่าย ตำบลปากพูน อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช พลเอกพงษ์เทพ เทพประทีป เลขาธิการมูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธานในการประชุมเสวนาเพื่อให้ความรู้ ความใจ และเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น "ชาวนครศรีธรรมราชคิดอย่างไรกับการเสนอให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ของการขุดคลองไทยแนว 9 A" โดยมีนายดนัย เจียมวิเศษสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าที่ ร.ต.ประพันธ์ เพ็งเจริญ หัวหน้าแกนนำคลองไทยจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ทรงคุณวุฒิ อดีตนักการเมือง หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนจากส่วนราชการต่าง ๆ ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอิสระ สื่อมวลชน และประชาชนจากตำบลพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าเส้นทางคลองไทยแนว 9 A จะพาดผ่าน ทั้ง 19 ตำบล ตลอดถึงผู้สังเกตการณ์จากจังหวัดพัทลุง ตรัง กระบี่ และสงขลา กว่า 400 คน เข้าร่วมประชุมเสวนา โดยจะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น "ชาวนครศรีธรรมราชคิดอย่างไรกับการเสนอให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ของการขุดคลองไทยแนว 9 A" จากผู้เข้าร่วมเสวนาด้วย
สำหรับแนวทางการพัฒนาคลองไทย คือ โครงการขุดคลองเชื่อมต่อทะเลอันดามันและอ่าวไทย การศึกษาขั้นต้นความเป็นไปได้โครงการขุดคลองไทยควรมีความกว้างไม่น้อยกว่า 400 เมตร ความยาวรวมทั้งสิ้น 135 กิโลเมตร โดยเริ่ม จาก อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช และออกสู่อ่าวไทยที่อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา จะมีการพัฒนา 2 ฝั่งคลองให้เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนสินค้าและท่าเรือ เพื่อให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนสินค้าภูมิภาคเอเชียตะวันออกรวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยว คลองไทยช่วยลดพื้นที่ยากจน เนื่องจากเมื่อคลองไทยเกิดขึ้นพื้นที่ 2 ฝั่งคลองจะถูกพัฒนาให้กลายเป็นศูนย์แลกเปลี่ยนสินค้า ศูนย์กลางการเงินธนาคาร เพื่อเพิ่มการจ้างงานสร้างรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้คลองไทยจะลดต้นทุนการขนส่งสินค้าของไทย สามารถร่นระยะเวลาในการขนส่งได้ประมาณ 2 วันโดยไม่ต้องผ่านช่องแคบมะละกา อีกทั้งช่วยลดต้นทุนการขนส่งน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางสู่ไทย นอกจากนี้กองทัพเรือยังสามารถเคลื่อนพลจากอ่าวไทยสู่อันดามันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ปฏิบัติการต่าง ๆ ของกองทัพเรือสามารถทำได้ทันท่วงทีอีกทั้งไม่ต้องเคลื่อนที่ผ่านน่านน้ำประเทศเพื่อบ้าน ไทยจะเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนสินค้า เรือประมงไทยสามารถจับปลาได้ 2 ฝั่งทะเลด้วย
ขณะที่จากการศึกษาข้อสงสัยหลายๆ ฝ่ายอย่างรอบด้านโดยเฉพาะประชาชนเกี่ยวกับคลองไทย ของสมาคมการค้าและอุตสาหกรรมไทย – จีน จากการลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่นั้นมีข้อสงสัยและข้อห่วงใยในโครงการคลองไทยอยู่หลายประการ ซึ่งจากกรายงานการศึกษาของนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยชั้นนำจากประเทศจีนได้เขียนอธิบายถึงมาตรการที่จะนำมาใช้ในการลดผลกระทบในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นสังคม ด้านเศรษฐกิจ และด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงปัญหาการรุกล้ำของน้ำเค็ม ด้วยวิทยาการสมัยใหม่การป้องกันน้ำเค็มนั้นสามารถทำได้หลายรูปแบบ อาทิ การจัดทำประตูน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเค็มไหลลงสู่แหล่งน้ำจืด การวางระบบชลประทานเพื่อรักษาระดับน้ำจืดให้พอเหมาะ หรือแม้กระทั่งการปรับปรุงพันธุ์พืชให้สามารถอยู่ร่วมกับน้ำเค็มได้ สำหรับการชดเชยให้กับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบนั้น จะต้องได้รับการชดเชยที่เป็นธรรม ซึ่งแบ่งเกณฑ์ในการชดเชยตามผลกระทบ คือ กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่อยู่ในแนวการขุด ประชาชนกลุ่มนี้ได้รับค่าเวณคืนที่ดินพร้อมทั้งจะได้รับสิทธิในการย้ายเข้าไปอยู่ยังพื้นที่อยู่อาศัยที่ได้จัดเตรียมไว้ อีกทั้งจะได้สิทธิในการประกอบอาชีพโดยราคาที่ดินที่ใช้ในการเวณคืนนั้นต้องเป็นที่พึงพอใจของเจ้าของที่ดิน กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการสัญจรของเรือ กลุ่มนี้จะไม่ถูกเวณคืน แต่อาจจะได้รับผลกระทบจากเสียง มลภาวะที่เรือสัญจรไปมา จึงสมควรได้รับการชดเชย และรวมไปถึงได้สิทธิในการประกอบอาชีพในเมืองใหม่ที่เกิดขึ้น ขณะที่การย้ายถิ่นฐาน ตามการศึกษาน่าจะมีประชาชนอย่างน้อย 45,000 ครัวเรือนจะได้รับผลกระทบโดยตรง ต้องย้ายถิ่นฐานและเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตการจัดสรรที่อยู่อาศัยให้ใหม่นั้น จะถูกทำขึ้นในรูปแบบของชุมชนอนุรักษ์ ซึ่งจะให้ชาวบ้านที่เคยอยู่อาศัยได้เข้าไปอยู่และทำงานในเขตอนุรักษ์วัฒนธรรมการเกษตร นอกจากนี้ยังมีการศึกษาการลดผลกระทบต่อแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล การกัดเซาตามแนวชายฝั่งอ่าวไทย รวมถึงการรักษาแหล่งน้ำจืดในภาคใต้ด้วย
สำหรับจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของจังหวัดที่คาดว่าคลองไทยแนว 9 A จะพาดผ่านในพื้นที่เป้าหมาย 5 อำเภอ 21 ตำบล 152 หมู่บ้าน ประกอบด้วย อำเภอบางขัน 2 ตำบล อำเภอทุ่งสง 2 ตำบล อำเภอชะอวด 11 ตำบล อำเภอจุฬาภรณ์ 4 ตำบล และอำเภอหัวไทร 2 ตำบล
พรรณี กลสามัญ/ภาพ-ข่าว
ส.ปชส.นครศรีธรรมราช