
วันนี้(28 ก.พ. 60) ที่ห้องประชุมศรีปราชญ์ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานประชุมคณะกรรมการบูรณาการการขับเคลื่อนอ่างเก็บน้ำคลองสังข์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 1/2560 โดยมีคณะกรรมการ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุมพร้อมเพรียงกัน
ทั้งนี้จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการการขับเคลื่อนโครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้น เพื่อขับเคลื่อนให้โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองสังข์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (ร.9) สำเร็จลุล่วงตามพระประสงค์ โดยเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2523 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (ร.9) ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำคลองสังข์ และทรงเยี่ยมราษฎรในท้องที่อำเภอทุ่งใหญ่ และทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทานพิจารณาวางโครงการและก่อสร้างโครงการพัฒนาลุ่มน้ำคลองสังข์ เพื่อจัดหาน้ำให้พื้นที่เพาะปลูกในเขตอำเภอทุ่งใหญ่ โดยใช้ที่ดินในการก่อสร้างโครงการ ประมาณ 6,810 ไร่ ประกอบด้วย พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ประเภทป่าเศรษฐกิจ โซน E ประมาณ 204 ไร่ ,พื้นที่องค์การสวนยางกรุงหยัน จำนวน 3,950 ไร่ และพื้นที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 2,656 ไร่ ใช้ระยะเวลาดำเนินงานรวม 4 ปี งบประมาณค่าก่อสร้างทั้งโครงการประมาณ 880 ล้านบาท ลักษณะโครงการ เป็นทำนบดินกว้าง 9 เมตร ,ความยาวทำนบดิน 1,410 เมตร ,ความสูงประมาณ 20 เมตร ,ความจุของอ่างเก็บน้ำที่ระดับเก็บกัก 36,575,000 ลบ.ม. ความจุของอ่างเก็บน้ำที่ระดับสูงสุด 45,100,000 ลบ.ม. ,ความจุของอ่างเก็บน้ำที่ระดับต่ำสุด 1,180,000 ลบ.ม.อาคารระบายน้ำล้น ระบายน้ำได้ 120 ลบ.ม./วินาที และอาคารท่อส่งน้ำ ระบายน้ำได้ 10 ลบ.ม./วินาที

ซึ่งโครงการก่อสร้างดังกล่าว จะเป็นแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการเก็บกักน้ำ และชะลอการไหลของน้ำในคลองสังข์ให้อยู่ในระดับการใช้งาน ส่งน้ำสนับสนุนโครงการฝายคลองสังข์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่ชลประทานได้ จำนวน 11,200 ไร่ รวมทั้งเพิ่มพื้นที่ส่งน้ำชลประทานตอนล่างของโครงการได้อีกจำนวน 10,800 ไร่ ,บรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง รวมทั้งเพื่อเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับการทำเกษตร ทางเลือกใหม่ การปศุสัตว์ และการทำไร่นาสวนผสมด้วย
อุไรวรรณ/ข่าว/ภาพ
จุรีรัตน์/ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
28 กุมภาพันธ์ 2560