โดยการจู่โจมตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบว่าผู้ต้องขังซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด หรือสิ่งของต้องห้าม สิ่งของมีคม เอาไว้หรือไม่ ซึ่งจากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย หรือสิ่งของต้องห้ามแต่อย่างใด เนื่องจากทาง ผู้บัญชาการเรือนจำ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ได้ควบคุมดูแลอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง ขณะที่ทางเรือนจำได้ฝากถึงญาติผู้ต้องขังที่มาเยี่ยมว่า หากเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบสิ่งผิดกฎหมายผู้ต้องขังจะมีโทษเพิ่ม และคนที่ลักลอบนำสิ่งของต้องห้ามผิดกฎหมายเข้าไปจะมีความผิดด้วย
สำหรับการจู่โจมตรวจค้นในครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติตามมาตรการของ กรมราชทัณฑ์ ที่ให้เรือนจำ ทัณฑสถาน สถานกักกัน สถานกักขัง ถือปฏิบัติในวันหยุดราชการติดต่อกันหลายวัน ซึ่งในช่วงดังกล่าวอาจเป็นช่วงโอกาสให้ผู้ต้องขังก่อเหตุหลบหนี หรือก่อเหตุร้ายได้ จึงให้เพิ่มความระมัดระวัง ควบคุมดูแลผู้ต้องขังเป็นกรณีพิเศษ และปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้
นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การตรวจค้นดังกล่าวเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในช่วงหยุดยาว พร้อมชื่นชมการปฏิบัติงานของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ที่ได้มีการดูแลทั้ง ด้านสภาพสังคม สุขภาวะ และสุขาภิบาลภายในเรือนจำได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งสอดคล้องตามนโยบายเรือนจำสีขาว โดยทางจังหวัดพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจโดยเฉพาะการให้โอกาสผู้ต้องขังกลับตัวเป็นคนดีสู่สังคม
ในขณะที่ นายโสภณ ยิ้มปรีชา ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ปัจจุบัน เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช มีนักโทษรวม 6,657 คน มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 160 คน ซึ่งจากมาตรการป้องกันปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้นของรัฐบาล ส่งผลให้จำนวนผู้ต้องขังคดียาเสพติดเข้าสู่เรือนจำลดลง จากกว่า 70% เหลือเพียง 60% ซึ่งส่งผลให้ความแออัดภายในเรือนจำลดลงตามไปด้วย.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
29 ธ.ค.2559