วันนี้(22 พ.ย.59) เวลา 08.00 น. ที่บริเวณประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ ภายในโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หมู่ที่ 5 ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธี “รวมพลังแห่งความภักดี” โดยจัดให้มีการกล่าวปฏิญาณตนเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับอำเภอปากพนัง หน่วยงานสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ในจังหวัด ศูนย์อำนวยการและประสานการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนร่วมกันจัดขึ้น โดยมีหัวหน้าส่วนราชการพลเรือน ตุลาการ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นัการเมือง พ่อค้าประชาชน นักเรียนนักศึกษาและกลุ่มพลังมวลชนกว่า 2,000 คน ได้ร่วมกันแสดงความจงรักภักดี และร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช ในโอกาสคล้ายวันพระบรมราชสมภพปีที่ 89
สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานพระราชดำริให้กรมชลประทานก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบ บริเวณปากแม่น้ำ ห่างจากอำเภอปากพนังไปทางทิศใต้ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดบานระบายกว้าง 20.0 เมตร จำนวน 10 ช่อง เพื่อป้องกันน้ำเค็มรุกล้ำพื้นที่เกษตรกรรมและเก็บน้ำจืดไว้ในแม่น้ำปากพนังและคลองสาขาในช่วงหน้าแล้งเพื่อการเกษตร และรักษาระดับน้ำในแม่น้ำปากพนังให้เหนือชั้นสารไพไรท์ เพื่อป้องกันน้ำเปรี้ยว
โดยก่อสร้างประตูระบายน้ำแล้วเสร็จในปี 2542 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานนามประตูระบายน้ำปากพนังว่า “อุทกวิภาชประสิทธิ” เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2542 มีความหมายว่า ความสามารถ แบ่งแยก น้ำจืด น้ำเค็มได้สำเร็จ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ถือเป็นกุญแจสำคัญของโครงการฯในการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ น้ำแล้ง น้ำท่วม น้ำเค็ม และสามารถที่จะให้ประชาชนมีน้ำบริโภคและน้ำทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี ส่งผลให้ราษฎรในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง จำนวน 10 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมถึงพื้นที่บางส่วน ของอำเภอควนขนุน อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง และบางส่วนของอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ซึ่งบริเวณดังกล่าว มีประชากรมากกว่า 600,000 คน มีพื้นที่ประมาณ 1.9 ล้านไร่ ได้รับผลประโยชน์ ซึ่งโครงการในพระราชดำริดังกล่าวสะท้อนให้เห็นความเป็นกษัตริย์นักพัฒนาผู้มีความห่วงใยต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างแท้จริง ดังนั้นประชาชนทุกหมู่เหล่าในพื้นที่จึงได้แสดงพลังแห่งความจงรักภักดี และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
ส.ปชส.นครศรีธรรมราช
22 พฤศจิกายน 2559