(3 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในส่วนของคดีหมายเลขดำ ที่ 3542 /2559 พนักงานอัยการได้ส่งตัวผู้ต้องหาจำนวน 4 คน ประกอบด้วยฟ้องศาลเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2559 นายสรพงษ์ คงสำราญ นายธีระวัฒน์ คงสำราญ นายอาวุธ สุขันทอง สมาชิกสภาเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช เขต 4 และนายปิยะวัฒน์ เกตุแก้ว ประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 ฐานความผิด ร่วมกันจัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินสดให้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งแก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น หรือให้งดเว้นการลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครใด โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
ซึ่งในบรรยายสำนวนคำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2557 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 4 คนซึ่งเป็นผู้สนับสนุน (หัวคะแนน)ของนายมาโนช เสนพงศ์ ผู้สมัครีรับเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ได้บังอาจร่วมกันมอบเงินให้แก่คณะกรรมการและประชาชนในเขตชุมชนการเคหะเอื้ออาทร เทศบาลนคร นครศรีธรรมราช เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง อันเป็นการจัดให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจะคำนวณเป็นเงินสดให้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งแก่นายมาโนช เสนพงศ์ ผู้สมัครรับเลือกตั่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดดังกล่าว อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ต่อมาวันที่ 26 ก.ค. 2559 จำเลยทั้ง 4 เข้าพบพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาให้จำเลยทั้ง 4 ทราบ และในชั้นสอบสวนจำเลยทั้ง 4 ให้การปฏิเสธ ระหว่างการสอบสวนจำเลยทั้ง 4 ไม่ถูกควบคุมตัว โจทก์ได้ส่งตัวจำเลยทั้ง 4 มาศาลพร้อมฟ้องนี้แล้ว ขอศาลรับตัวจำเลยทั้ง 4 ไว้พิจารณาพิพากษาด้วย อนึ่งจำเลยทั้ง 4 ขอปล่อยตัวชั่วคราว โจทก์ไม่คัดค้าน
“ในสำนวนยังระบุคำขอท้ายคำฟ้องระบุว่า การที่จำเลยได้ทำตามข้อความกล่าวในคำฟ้องนั้น ข้าพเจ้าถือว่าเป็นความผิดต่อกฎหมายและบทมาตราดังนี้คือ พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 458,57 ,118 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, ขอศาลได้พิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายและขอศาลได้สั่งเพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้งจำเลยทั้ง 4 มีกำหนด 10 ปี” โดยศาลได้นัดพร้อมสอบคำให้การและไต่สวนตามลำดับขั้นตอนเพื่อพิจารณาพิพากษาต่อไป”
ส่วนอีกคดี กกต.นครศรีธรรมราชได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เขาพังไกร ให้ดำเนินคดีนายสุรินทร์ อ๋องเซ่ง ผู้ต้องหา ความผิดฐาน ร่วมกันจัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน (เสื้อ) หรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินสดให้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งแก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น หรือให้งดเว้นการลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครใด ตามสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 44/2559 ลงวันที่ 22 เม.ย. 2559 พนักงานสอบสวน สภ.เขาพังไกร อัยการปากพนัง ได้มีความเห็นสั่งห้องและส่งสำนวนให้พนักงานอัยการศาลจังหวัดปากพนัง เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2559 ซึ่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้องโดยได้ส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาฟ้องศาลจังหวัดปากพนังไปแล้วเช่นกันเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2559 ที่ผ่านมา
สำหรับนายมาโนช เสนพงศ์ ทาง กกต.นครศรีธรรมราช ได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช 2 ข้อกล่าวหาความผิดฐานจัดเลี้ยง-และแอบอ้างพรรคประชาธิปัตย์ในการหาเสียง เพื่อจูงใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งแก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น หรือให้งดเว้นการลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครใด ส่วนนายเทพไท เสนพงศ์ กกต.นครศรีธรรมราช ได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เช่นกัน 1 ข้อกล่าวหาความผิดฐานจัดเลี้ยง เพื่อจูงใจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งแก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น หรือให้งดเว้นการลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครใด ทั้งสองเข้าพบเข้าพบพนักงานสอบสวนและได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ทางพนักงานสอบสวนได้พิจารณาสั่งฟ้องและส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาส่งฟ้องศาลตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคดีการทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งศาลอุทธรณ์ (ภาค 8) พิจารณาให้ใบแดงนายมาโนช เสนพงศ์ และให้ กกต.แจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายมาโนช พร้อมพวกได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างกว้างขวาง โดยนำมาพิจารณากับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทำให้นายมาโนช เสนพงศ์ นายเทพไท เสนพงศ์ พร้อมพวกขาดคุณสมบัติในการลงรับสมัครเลือกตั้งปิดฉากเส้นทางการเมืองไปโดยปริยาย และมีการจับตากันว่าในการเลือกตั้งทั้งระดับชาติและระดับทิ้งถิ่นหลังรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ในกลุ่มของนายเทพไท เสนพงศ์ จะนำเอาใครมาเป็นผู้ลงรับสมัครเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามทาง กกต.ยังฟ้องทางเพ่งเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 61 ล้านกับนายมาโนช เสนพงศ์ อีก 1 คดี.
ไพฑูรย์ อินทศิลา/กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
3 พ.ย. 2559