นางอัมพาพันธ์ กล่าว่า ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปี ตนพร้อมกับพนักงานของห้าง ได้ร่วมกันทำข้าวห่อ มาแจกจ่ายให้กับผู้ที่มีฐานะยากจน ผู้ยากไร้ และผู้ที่มีรายได้น้อย เพื่อรับประทานเป็นอาหารมื้อเที่ยง เป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้มีรายได้น้อย ตนทำอาหารแจกฟรีทุกวัน ในช่วงเวลา 11.00 - 12.00 น. ยกเว้นวันอาทิตย์ ซึ่งแต่ละวันจะมีผู้มารับอาหารจนหมดภายใน 15-20 นาที สำหรับเมนูอาหารที่ทำแจกจ่ายตนจะเปลี่ยนไปแต่ละวัน แต่จะเน้นอาหารมังสวิรัติ โดยอาหารที่ทำแจกจ่ายแต่ละวันเฉลี่ยแล้วต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณวันละ 3,000-4,000 บาท เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าเดือนละประมาณ 100,000 บาทเศษ
“ที่ผ่านมาตนและครอบครัวยึดหลักแนวปฏิบัติของในหลวงว่าต้องรู้จักการให้ แบ่งปัน และอยู่อย่างพอเพียง เพราะท้ายที่สุดแล้ว เราก็เอาอะไรไปไม่ได้ อะไรที่เราพอจะสามารถทำได้เพื่อคนอื่น โดยเฉพาะผู้ยากไร้ ยากจน หรือผู้ที่มีรายได้น้อย อะไรที่เราสามารถทำเพื่อสังคมได้ก็ขอให้ทำ ตนยึดถือหลักคำสอนและเดินตามรอยเบื้องพระยุคลพระบาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาโดยตลอด คือ รู้รัก รู้สามัคคี รู้พอเพียง มีอะไรก็แบ่งปันให้กัน ตามกำลังที่แต่ละคนมี ซึ่งถือเป็นการทำความดีเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อในหลวงของเรา คือการให้ ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้แล้วมีความสุข ซึ่งทำตลอดระยะเวลา 4 ปีกว่าแล้ว
นางอัมพาพันธ์ กล่าว่อีกว่า ตนมีความสุขที่ได้ทำความดีเพื่อในหลวง และเพื่อถวายเป็นพำระราชกุศลและถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทางร้านยังได้มีการลดราคาผ้าสีดำ สีขาว กว่าครึ่ง เช่น ปกติขายหลาละ 350 บาท ลดราคาเหลือหลาละ 200 บาท เพื่อต้องให้กับลูกค้าได้นำไปตัดเสื้อผ้าใส่ไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพราะช่วงเศรษฐกิจที่ไม่ดีตอนนี้ ประกอบกับสถานการณ์ที่ประชาชนต่างมีความโศกเศร้า เราในฐานะคนไทย ควรรักกันและสามัคคีกัน ไม่ควรเอารัดเอาเปรียบกัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและถวายความอาลัยแด่พระองค์ท่าน.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
20 ต.ค. 2559