เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 14 ก.ย. 2559 ที่ห้องประชุมขุนพันธรักษ์ราชเดช บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.(ฝ่ายความมั่นคง.) ได้เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดีวางระเบิดและวางเพลิง 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน โดยมี ผบก.ภ.จาก 7 ทั้งจังหวัดภาคใต้และตำรวจชุดคลี่คลายคดีทั้ง 7 จังหวัดมาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยปิดห้องประชุมลับอย่างเคร่งเครียดเป็นเวลานานประมาณ 2 ชม.
จากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงความคืบหน้าในการคลี่คลายคดีว่า ผลการประชุมวันนี้มีความคืบหน้าไปมากกว่าเดิม และมีแนวทางที่จะออกหมายจับคนร้ายเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง โดยทางตำรวจชุดคลี่คลายคดีกำลังขออนุญาตศาลเข้าไปสอบปากคำผู้ต้องหาที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมว่ามูลเหตุจูงใจที่เข้ามาก่อเหตุมาจากสาเหตุใด ส่วนคนร้ายที่ถูกออกหมายจับไปแล้วทุกคน ตำรวจเราก็มีชุดออกติดตามอยู่แล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบของตำรวจ ตม.พบว่ากลุ่มคนร้ายที่ถูกออกหมายจับยังหลบซ่อนในประเทศไทยไม่ได้หลบหนีไปประเทศมาเลเซียตามที่เป็นข่าว แต่เรายังไม่พบตัวเท่านั้นเอง และยืนยันว่ากลุ่มคนร้ายไม่เกี่ยวกับกลุ่ม RKK หรือ BRN แต่อย่างใด และไม่มีทางที่กลุ่มเหล่านี้จะออกมาก่อเหตุนอกเขต3จังหวัดชายแดนใต้ได้เพราะภาคใต้ตอนบนส่วนใหญ่มีแต่ไทยพุทธจำนวนมาก
“ในสำนวนจะไปคาดการณ์ไม่ได้ เพราะสำนวนการสอบสวนต้องใช้หลักฐาน ซึ่งขณะนี้ตำรวจยังไม่หลักฐานว่าใครใช้วานหรือบงการวางระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งวิธีการลงมือของกลุ่มคนร้ายก็ใช้วิธีการเหมือนกับ3จังหวัดชายแดนใต้ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าทำไมถึงขึ้นมาลงมือนอกเขตในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งหากมีพยานหลักฐานถึงก็จะมีการออกหมายจับเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะมีการออกหมายจับเพิ่มอีกในเร็วๆนี้อย่างแน่นอน ส่วนการที่ทางตำรวจสันติบาลออกมาขึ้นป้ายภาพและชื่อใบหน้าผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้นั้น ก็เพื่อให้ประชาชนทั่วไปที่ทราบเบาะแสของคนร้ายได้แจ้งข้อข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจะได้จับกุมผู้ต้องหาได้เร็วยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมถึงกลุ่ม BRN ถึงออกมายอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุวางระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ตอบว่า ผมไม่ทราบ แค่ออกมายอมรับอย่างเดียวแต่ไม่มีพยานหลักฐานใครจะกล้าจับละ ต้องมีพยานหลักฐานก่อนถึงจะจับ ก็ไม่ทราบว่าที่ออกมายอมรับว่าเป็น BRN จริงหรือเปล่า ถ้าออกมายอมรับจริง ไหนละหลักฐาน แต่ก็ยอมรับว่ากลุ่มคนร้ายเป็นกลุ่มจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้และมีหมายจับมาก่อน และไม่ทราบว่ามีชื่อในกลุ่ม BRN หรือไม่ตนไม่ทราบ แต่ว่าจะออกมายอมรับกันทั้งที่ไม่มีหลักฐานไม่ได้หรอก และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยังกล่าวอีกว่า ตาม คสช.ที่ 55 คดีวางระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ก็ยังอยู่ที่ศาลทหารอยู่ การประชุมในวันนี้ น่าจะมีการออกหมายจับผู้ต้องหาได้เพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 1 คนที่ จ.พังงา ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับก็เป็นคนในพื้นที่ จ.ปัตตานี ซึ่งพบหลักฐานค่อนข้างชัดเจน เป็นระดับปฏิบัติการ
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวถึงเงินท่อน้ำเลี้ยงที่สนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบพยายามจะเชื่อมโยงให้มันเข้า ปปง.เพื่อให้ ปปง.ไปตรวจสอบ และพิจารณาข้อหาอยู่เพื่อให้เข้า ปปง.เพื่อให้ปปง.ไปตรวจสอบแหล่งที่มาของแหล่งทุนของกลุ่มผู้ต้องนี้ ซึ่งสมัยเมื่อปี 2547 สมัยตนเป็นหัวหน้างานสอบสวน 3 จังหวัดตนเคยตรวจสอบพบมีเงินจากต่างประเทศเป็น 100 ล้านเพื่อให้ก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ครั้งนี้ก็กำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่
“กลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุทั้งหมดตามหลักฐานพบว่ายังหลบซ่อนอยู่ในราชอาณาจักรไทยไม่ได้หลบหนีเข้าประเทศมาเลเซีย ซึ่งตำรวจสันติบาลและตม.และทหารเขาดำเนินการอยู่ ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าคดีนี้ไม่มีทางตันอย่างเด็ดขาด คดีคืบหน้าไปเรื่อยๆและจะออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาได้เรื่อยๆแน่นอน ขอให้ประชาชนมั่นใจได้” พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวยืนยันในที่สุด.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
14 ก.ย. 2559