เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวคืบหน้าของการคลี่คลายคดีเผาห้างเทสโก้โลตัส สาขานครศรีธรรมราช หลังจากมีการออกหมายจับและขึ้น โอ.บุกจับกุมนายศักรินทร์ คฤหัสถ์ อายุ 32 ปี พนักงานบริษัทรับเหมาแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลอ่าวไทย เมื่อวันที่ 13 ส.ค.2559 ที่ผ่านมา ก่อนคุมตัวมาสอบสวนในค่ายทหาร มทบ.41 แต่ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ในขณะที่ทางตำรวจระดับสูงคือ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผช.ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 ซึ่งเข้าสอบสวนปากคำผู้ต้องหาด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตามผู้ที่ติดตามข่าวสับสนและสงสัยถึงการจับกุมนายศักดิ์รินทร์ เนื่องจากมีการให้ข่าวว่าเป็นการจับกุมโดยใช้อำนาจ ม.44 ในขณะที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงยืนยันว่าเป็นการจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ยังไม่ทีการเปิดเผยหมายจับที่ชัดเจนและยืนยันว่าไม่มีการจับผิดตัวแน่นอนจนกระทั้งมีการเผยแพร่หมายจับทางโลกโซเชียล โดยเป็นหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เลขที่ 318/2559 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2559 ผู้ร้องขอหมายจับกุมคือ พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เผ่าชู รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ในนามหรือหมายถึงผู้กกกับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ระบุว่าด้วยนายศักดิ์รินทร์ คฤหัส ซึ่งต้องกล่าวหาว่ากระทำความผิดวางเพลิงเผาทรัพย์ที่เป็นโรงเรือนอันเป็นที่เก็บหรือทำสินค้า จึงให้ท่านจับกุมตัวนายศักดิ์รินทร์ คฤหัสถ์ อยู่บ้านเลขที่ 190/65 หมู่ 2 ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ไปส่งที่ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ภายในอายุความ 20 ปี นับตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2559 แต่ไม่เกิน วันที่ 12 สิงหาคม 2579 ลงชื่อ นายกำพล รุ่งรัตน์ ผู้พิพากษา
นายตำรวจนายหนึ่งกล่าวว่าข่าวที่สับสนเนื่องจากเบื้องบนได้มีคำสั่งห้ามตำรวจทุกคนทุกระดับให้ข่าว โดยขอให้ ผบ.ตร.เป็นผู้ให้รายละเอียดข่าวเพียงคนเดียว หรือผู้บังคับบัญชาระดับสูงท่านอื่นที่ได้รีบมอบหมายจาก ผบ.ตร. อย่างไรก็ตามเป็นที่แน่ชัดว่าการจับนายศักดิ์รินทร์ เป็นการจับตามหมายจับ แต่การควบคุมตัวเป็นการใช้อำนาจ ม.44 ควบคุมตัวไว้ได้ไม่เกกิน 7 วัน ในขณะนี้ยังควบคุมตัวนายศักรินทร์ ไว้ที่ มทบ. 41 ค่ายวชิราวุธ ตงปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพราะยังต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการอีกหลายคน ข่าวที่เล่าลือกันว่าจะมีการปล่อยตัวนายศักรินทร์ หรือเชษฐ์ ผู้ต้องหารายนี้ยืนยันว่ายังไม่มีการปล่อยตัวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบที่ มทบ.41 พบว่ามีกำลังตำรวจกองปราบปรามและตำรวจสืบสวนภาค 8 และฝ่ายทหาร ยังอารักขาบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา ในขระที่นายตำรวจระดับสูงยังเดินทางมาสอบสวนปากคำผู้ต้องหาราย เพื่อขยายผลในบางประเด็นที่ตำรวจยังสงสัย แต่นายศักดิ์รินทร์ ยังยืนกรานในความบริสุทธิ์ โดยล่าสุดทาง พ.ต.ท.นิติ บุญจันทร์ รอง ผกก.ทำหน้าที่ หัวหน้า งานสอบสวน สภ.เมืองและตำรวจชุดคลี่คลายคดี ได้เดินทางมาเก็บเสื้อผ้า กางเกง รองเท้าของนายศักรินทร์ ผู้ต้องหาใส่ถุงพลาสติกนำไปตรวจดีเอ็นเอของว่าตรงกับดีเอ็นเอที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บได้จากที่เกิดเหตุหรือไม่
ในเวลา 09.00 น.วันเดียวกันนี้ ร.ต.ท.ประยงค์ ช่วยชู และ ร.ต.ท.คมเขต แก้วไกรษร ได้กำลังตำรวจชุดอีโอดีของ กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ชุด อีโอดี จาก กก.ตชด.42 ทุ่งสง พร้อมอุปกรณ์ตรวจค้นหาระเบิดครบชุด ได้ลงพื้นที่ตรวจค้นระเบิดและวัตถุต้องสงสัยตามสถานที่สำคัญทั้งที่สถานีรถไฟนครศรีธรรมราช สถานี บขส.นครศรีธรรมราชและท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชอย่างละเอียดทุกซอกมุม เพื่อป้องกันเหตุร้าย โดยมีการสแกนพื้นที่จุดเสี่ยงที่คนร้ายอาจก่อเหตุวางระเบิด เพื่อสร้างความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวใน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งชุดอีโอดี ได้รับคำสั่งให้ ตรวจค้นทุกวันอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
“ซึ่งผลการตรวจค้นทุกจุดยังไม่พบระเบิดแต่อย่างใด แต่การเข้าปฏิบัติหน้าที่ตรวจขึ้นวัตถุระเบิดกลับสร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเข้าใจว่าการตรวจค้นเพราะเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งหรือมีข้อมูลว่ามีการลักลอบวางระเบิดในแต่ละจุด ทำให้มีการเล่าลือต่อ ๆ กันออกไปอย่างกว้างขวาง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคนทั่วไปจนไม่มีกล้าเดินทางเข้าไปในแต่ละจุดที่มีการตรวจค้นเพราะเกรงจะเกิดเหตุระเบิดขึ้นได้รับอันตรายได้
ต่อมาในเวลา 13.00 น.วันเดียวกันนี้ ร.ต.ท.ประยงค์ ช่วยชู รอง สว.กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ในฐานะ หัวหน้า ชุดอีโอดี เก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดที่หมู่ 3 ต.เขาแก้ว อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ขอให้ไปตรวจสอบและเก็บกู้ด้วยที่บริเวณคลอง จึงร่วมกับชุดเก็บกู้ระเบิด กก.ตชด.42 ทุ่งสง เดินทางไปตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวท่ามกลางความแตกตื่นของประชาชน จากการพบว่าเป็นโลหะหลอมคล้ายลูกระเบิดน้อยหน่าวางอยู่บนพื้นดิน จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน
ร.ต.ท.ประยงค์ ช่วยชู กล่าวว่า โลหะหลอมคล้ายลูกระเบิดน้อยหน่า เป็นการผลิตขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับซ้อมขว้างระเบิดในการฝึกตำรวจ ทหารหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่มีการบรรจุดินระบิดและเชื่อปะทุจุดระเบิดจึงไม่มีอันตรายใดทั้งสิ้น แต่สงสัยว่าโลหะหลอมเหมือนลูกระเบิดลูกดังกล่าวมาจากไหน.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
15 ส.ค. 2559