(17 มิ.ย.) นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางไปเป็นประธานเปิดงานประเพณี “ปิดทองห่มผ้าหลวงพ่อองค์ใหญ่ อายุกว่า 800 ปี และเปิดพุทธสถานถ้ำโหม่ง วัดเขาพระทอง หมู่ 1 ต.เขาพระทอง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-19 มิ.ย. 2559 เพื่อต่อยอดจากอารยธรรมดั้งเดิมในท้องถิ่นบนพื้นฐานการท่องเที่ยวเชิงศาสนาวัฒนธรรมและธรรมชาติอย่างแท้จริง เพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและโครงการพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารจังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ท่ามกลางข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างพื้นที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมนับพันคน
สำหรับวัดเขาพระทอง ตั้งอยู่เลขที่ 50 หมู่ที่ 1 ตำบลเขาพระทอง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามหลักฐานที่ปรากฏได้จารึกไว้ว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยศรีวิชัยตอนต้น หรือในยุคของกษัตริย์องค์สำคัญคือ พระเจ้าศรีธรรมโศกราช และพระเจ้าจันทรภาณุศรีธรรมราช เป็นวัดที่เก่าแก่มีอายุประมาณ 800 กว่าปี มีพระพุทธรูปปั้นด้วยปูนตำโบราณสีทองจำนวนมากถึง 29 องค์ เป็นพระปูนปั้นด้วยปูนขาวผสมด้วยน้ำผึ้งอ้อย และน้ำมันยางประดิษฐานอยู่บนเชิงผาหน้าเขาพระทองทางด้านทิศตะวันออก เรียกว่า “พุทธสถานวัดเขาพระทอง” โดยเชื่อว่าภายในถ้ำเขาพระทองยังมีพระพุทธรูปทองคำ และแก้ว แหวนเงินทองและทรัพย์สินมีค่าซุกซ้อนอยู่ภายในถ้ำเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ทางด้านทิศตะวันตกของเขาพระทองยังมีถ้ำโหม่งภายในถ้ำนอกจากจะมีพระพุทธรูปโบราณประดิษฐานอยู่จำนวนหนึ่งแล้ว มีหินงอกหินย้อยสวยงามแปลกตาอยู่อีกจำนวนมาก แต่มีหินงอกหินย้อยอยู่จุดหนึ่งเมื่อนำก้อนหิน หรือไม้ และวัตถุอื่น ๆ มาเคาะจะมีเสียงดังก้องกังวานคล้ายโหม่งหนังตะลุง อย่างน่าอัศจรรย์ ในปัจจุบันทางวัดได้พัฒนาทำบันไดทางขึ้นถ้ำโหม่งจนสามารถขึ้นไปเที่ยวชมและพิสูจน์ความมหัศจรรย์ของถ้ำโหม่งได้อย่างสะดวก จึงเป็นสนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ โดยนายพีระศักดิ์ ได้ทอดสอบใช้ไม้ตีชง่อนหินและเกิดเสียงดังคล้ายเสียงโหม่งหนังตะลุงด้วย
นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า กล่าวว่า จากการเดินทางมาตรวจสอบวัดเขาพระทองพบว่ามีความเหมาะสมทั้งสภาพพื้นที่ ตำนานความเป็นมา รวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่วัด เจ้าอาวาสและพระภิกษุ รวมทั้งชาวบ้านในชุมชนใกล้วัดเขาพระทอง ทางจังหวัดจะให้การสนับสนุนงบยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด รวมทั้งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนกลางเพื่อพัฒนาวัดเขาพระทองแห่งนี้ให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงศาสนา วัฒนธรรมและธรรมชาติที่ครบวงจรและหากเป็นไปได้จะคัดเลือกวัดอื่น ๆ อีก 3 มุมเมืองทำการพัฒนาเช่นเดียวกันวัดเขาพระทองควบคู่ไปกับโครงการสนับสนุนพระบรมธาตุเจดีย์เป็นมรดกโลก ซึ่งเป็นวัดหน้าด่านรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาจาก 4 เส้นทาง 4 มุมเมืองเพื่อเข้ามาท่องเที่ยววัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้พูดคุยปรึกษาหารือกับพระอารยนันต์ อานันโท เจ้าอาวาสวัดเขาพระทอง และผู้นำท้องถิ่นรวมทั้งสื่อมวลชนอยู่นั้นได้มีนางเขียว หมื่นจร อายุ 72 ประ มารดาของนายประดับ หมื่นจร นายก อบต.เขาพระทอง ซึ่งเข้ามาช่วยงานภายในวัดได้กระโดดลงนั่งบนพื้นลานทางขึ้นถ้ำโหม่ง ตัวสั่น พร้อมพูดเสียงดังเป็นภาษากลางโบราณ น้ำเสียงเปลี่ยนไปจากเดิมเป็นคนละคน ลักษณะแสดงความไม่พอใจ เป็นที่แตกตื่นและแปลกใจของผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการและผู้คนร่วมทั้งสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก เพราะตามปกตินางเขียว จะพูดภาษากลางไม่เป็น จากการสื่อสารสอบถามทราบว่าผู้ที่มาเข้าทรงร่างของนางเขียวคือ “เจ้าแม่พวงแสด” พร้อมระบุว่าเจ้าแม่พวงแสดมาพร้อมกับ เจ้าพระยาขุนทอง เจ้าพระบาขุนไกร เจ้าพระยาขุนดาบ และดวงวิญญาณเจ้าขุนมูลนายอีกจำนวนหนึ่งที่ร่วมกันสร้างและดูแลสมบัติเขาพระทองมาหลายร้อยปีแล้ว
“ร่างทรงยังชี้หน้าแสดงอาการเกรี้ยวกราดไม่พอใจ และใช้มือตบตีผู้คนที่มาห้อมล้อมสอบถามเป็นพัลวันพร้อมกล่าวอย่างดุดันว่า การประกอบพิธีหรือทำกิจกรรมใด ๆ ในวัดทำไมไม่บอกกล่าว เซ่นไหว้พวกตนบ้าง นึกจะทำอะไรก็ทำ แม้เจ้าอาวาสและทุกคนมีจุดประสงค์และเป้าหมายในการส่งเสริมพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่การไม่บอกกล่าวเจ้าของวัด เจ้าของสมบัติจะทำให้ประสบปัญหาอุปสรรคมากมาย อย่างน้อยต้องประกอบพิธีบอกกล่าว เซ่นไหว้ปีละ 1 ครั้ง ซึ่งต่อมาทางคณะกรรมการวัดและผู้ที่เกี่ยวข้องได้เข้ามากราบขอโทษและยืนยันว่าทีหลังจะทำอะไรภายในวัดจะทำพิธีบอกล่าว เซ่นไหว้ก่อนทุกครั้งโดยในวันพรุ่งนี้จะประกอบพิธีบอกกล่าวขอเขมา และเซ่นไหว้เป็นครั้งแรก ทำให้ร่างทรงลดอาการเกรี้ยวกราดลงและพุดคุยด้วยดี”
ผู้สื่อข่าวที่ร่วมในการสื่อสารพูดคุยกับร่างทรงเจ้าแม่พวงแสดได้สอบถามร่างทรงว่า ทางวัดและทางราชการรวมทั้งพุทธศาสนิกชนจะทำพิธีขุดค้นหาพระพุทธรูปทองคำ และทรัพย์สมบัติในถ้ำเขาพระทองจะทำได้หรือไม่และทำสำเร็จหรือไม่ ร่างทรงเจ้าแม่พวงแสด บอกว่ายังไม่ได้ ยังไม่อนุญาต เพราะหากนำออกมาเปิดเผยจะเกิดปัญหามากมาย จนไม่สามารถควบคุมหรือรักษาพระพุทะรูปทองคำและทรัพย์สมบัติมหาศาลเอาไว้ได้ ลูก ๆ หล่น ๆ จึงต้องรอไปก่อนเมื่อถึงวันเวลาที่เหมาะสมท่านเจ้าพระยาและบรรพบุรุษทั้งหลายจะอนุญาตให้นำออกมาจากถ้ำต่อไป ผู้สื่อข่าวจึงแกล้งถามว่าการทำประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 จะผ่านหรือไม่ ร่างทรงเจ้าแม่พวงแสด นิ่งอึ้งอยู่สักครูจึงกล่าวตอบเสียงเบา ๆ พร้อมพยักหน้าว่า “ผ่าน ๆ” สร้างความฮือฮาให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างมาก.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
17 มิ.ย. 2559