เมื่อวันที่ 16 พ.ค.59 นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ลงพื้นที่หมู่ที่ 11 บ้านไสขนุน ตำบลเคร็ง อำเภอชะอวด เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานดับไฟไหม้ป่า โดยมีนายพิทักษ์ บริพิศ นายอำเภอชะอวด นายสุรชัย รักษาวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมไฟป่า สำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายธนากร รักษ์ธรรม หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเคร็ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านร่วมให้การต้อนรับและรายงานสถานการณ์ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ตรวจสภาพพื้นที่ป่าพรุบริเวณสถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังฯ บ้านไสขนุน ที่ถูกไฟไหม้ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมได้แล้ว แต่ยังคงคุกรุ่นมีควันไฟลอยคละคลุ้งตลอดเวลา
นายสุรชัย อักษรวงศ์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมไฟป่า สำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 กล่าวว่า ป่าพรุควนเคร็งที่อยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ครอบคลุม 5 อำเภอ มีหน่วยงานในพื้นที่รับผิดชอบอยู่ 2 หน่วยงานหลัก คือ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบ่อล้อ และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ได้เกิดไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งมาตั้งแต่กลางเดือนเมษายน จนถึงวันที่ 16 พ.ค. 2559 จำนวน 19 ครั้ง ป่าอนุรักษ์ถูกไฟไหม้เสียหายแล้วเกือบ 2,000 ไร่ และสวนป่าชุมชนสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ต.ชะอวด อ.ชะอวด ถูกไฟไหม้ประมาณ 900 ไร่ ส่วนสาเหตุเกิดจากคน คือ บางพื้นที่ในเขตห้ามล่าฯบ่อล้อ จุดไฟให้หญ้างอกขึ้นมาใหม่เพื่อใช้เลี้ยงสัตว์ บางพื้นที่ในเขตห้ามล่าฯทะเลน้อยอย่างที่ตำบลเคร็งจุดไฟทุ่งกระจูด เพื่อให้กระจูดงอกขึ้นมาใหม่ และบางพื้นที่จุดไฟเพื่อล่าสัตว์ เป็นต้น สำหรับสถานการณ์ล่าสุดเจ้าหน้าที่ควบคุมได้ทุกจุดแล้ว ไฟยังไหม้อยู่ในระดับผิวดิน ยังไม่ได้ไหม้ลงใต้ดินแต่อย่างใด
นายธนากร รักษ์ธรรม หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กล่าวว่า หน่วยของตนรับผิดชอบพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่อยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ประมาณ 159,222 ไร่ ซึ่งเกิดไฟไหม้ป่ารุนแรงที่สุดเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 14-15 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีพื้นที่เสียหายรวม 936 ไร่ เป็นการจุดไฟเผาทุ่งกระจูดเพื่อให้กระจูดงอกขึ้นมาใหม่ เนื่องจากกระจูดเดิมเมื่อมีอายุ 5 ปี จะทำให้ตอกแข็ง ไม่สามารถนำมาใช้สอยได้ ซึ่งทุ่งกระจูดได้รับความเสียหายประมาณ 486 ไร่ อย่างไรก็ตามกลุ่มควันที่ยังมีให้เห็นอยู่นั้น จะไม่ลุกลามแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทยอยลงไปดับให้มอดสนิทต่อไป อย่างไรก็ตามหากฝนไม่ตกลงมาสถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งจะยังคงมีความเสี่ยงต่อไปจนถึงต้นเดือนตุลาคม 2559
นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากการรับฟังรายงานสาเหตุของไฟไหม้ป่าเกิดจากคนเป็นหลัก เช่น จุดไฟทุ่งหญ้าเพื่อเลี้ยงสัตว์ จุดไฟทุ่งกระจูดเพื่อให้งอกใหม่ และจุดไฟเพื่อล่าสัตว์ เป็นต้น ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในการเปลี่ยนความคิดเพราะจะได้ไม่คุ้มเสีย จึงต้องขอให้ช่วยกันรณรงค์สร้างความเข้าใจ เป็นหูเป็นตา และสร้างจิตสำนึก ส่วนสถานการณ์ในขณะนี้ถูกว่ายังไม่รุนแรง เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมได้ เป็นเพียงไฟไหม้ป่าที่ผิวดินเท่านั้น ยังไม่ไหม้ลงใต้ดินแต่อย่างใด แต่หากระดับน้ำใต้ดินในป่าพรุต่ำกว่า 30 เซนติเมตรก็จะอันตราย หากไฟไหม้ลงใต้ดินแล้วก็จะควบคุมเพลิงได้ยากเนื่องจากในป่าพรุมีทั้งก๊าซมีเทน และวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงจำนวนมาก นอกจากนี้ขอให้กรมควบคุมมลพิษ โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นำรถตรวจวัดคุณภาพอากาศเคลื่อนที่ ไปตรวจวัดปริมาณฝุ่นละออง หมอกควันในพื้นที่ตำบลเคร็ง ว่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เพื่อจะได้ดูแลสุขภาพของประชาชนต่อไป นอกจากนี้ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายรวมทั้งอาสาสมัคร และประชาชนในพื้นที่ที่ช่วยกันดับไฟไหม้ป่าในครั้งนี้ไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้
ส.ปชส.นครศรีธรรมราช
16 พฤษภาคม 2559