เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2559 นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับรายงานว่าในช่วงตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค. 2559 ได้เกิดไฟป่าลุกไหม้เผาผลาญพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง บริเวณป่าชุมชนเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ อย่างหนักกินพื้นที่หมู่ 2 ,3 ,5 และหมู่ 7 ต.ชะอวด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช โดยพื้นที่ทั้งหมดเป็นพื้นท่าป่าเสม็ดที่อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก โดยไฟป่าได้เริ่มลุกไหม้มาจากฝั่งถนนทางด้านทิศตะวันออก และลุกลามเผาผลาญพื้นที่อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ อบต.ชะอวด ได้จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณะภัยขึ้นบริเวณอาคารที่ทำการสวนสาธารณะป่าชุมชนเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ พร้อมระดมกำลังเจ้าหน้าที่ รถดับเพลิงจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียงช่วยกันดับไฟป่าอย่างยากลำบาก เนื่องจากพื้นที่เป็นป่าพรุทำให้ยากลำบากในการเดินเข้าไปถึงจุดที่ไฟป่าลุกไหม้ ประกอบกับพื้นที่ถูกไฟไหม้ลุกลามเป็นบริเวณกว้างและมีลมพัดกรรโชกอย่างรุนแรง ทำให้ไม่สามารถดับไฟป่าให้มอดสนิทลงได้ ในวันที่ 5 พ.ค.พื้นที่ป่าพรุควรเคร็ง เขตป่าชุมชนเจ้าจุฬาภรณ์ถูกไฟป่าเผาผลาญเสียหายไม่น้อยกว่า 500 ไร่
ในขณะที่ควันไฟแผ่ปกคลุมทั้ง 4 หมู่บ้านรวมทั้งในตัวตลาดเขตเทศบาลตำบลชะอวด มีควันไฟปกคลุมจนแทบจะมองไม่เห็น ในขณะที่ชาวบ้านวาดผวากลัวอย่างหนักต้องอพยพเด็ก คนชรา ผู้ป่วยหนีออกจากพื้นที่เพราะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบการหายใจ อย่างไรก็ตามชาวบ้านได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหวั่นเกรงว่าไฟป่าจะลุกลามมาถึงบ้านเรือนของตัวเอง
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้สถานีควบคุมไฟป่าทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วยสถานีควบคุมไฟฟ้า อ.ปากพนัง สถานีควบคุมไฟป่าบ่อล้อ อ.เชียรใหญ่ และ สถานีควบคุมไฟป่าศาลหลวงต้นไทร ระดมกำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครควบคุมไฟป่า นำรถดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์ เครื่องมือดับไฟป่าลงพื้นที่ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน อ.ชะอวด และอำเภอใกล้เคียงลงพื้นที่แยกย้ายกันออกดับไฟป่า โดยการปฏิบัติการเป็นไปอย่างยากลำบากและทุลักทุเล จนกระทั้งมีลมพัดกรรโชกอย่างรุนแรงส่งผลให้เปลวไฟจากถนนทางด้านทิศตะวันออกปลิวข้ามมาลุกไหม้ทางฝั่งถนนทิศตะวันตก และลุกกลามอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้จัดกำลังเป็นชุด ๆ กระจายกันออกดับไฟป่าพร้อม ๆ กันนับ 10 จุด โดยทั้งการใช้เครื่องสูบน้ำขนาดเล็กสูบน้ำจากร่องคูถนนต่อสายยางฉีดดับไฟป่าอย่างต่อเนื่อง กำลังอีกส่วนหนึ่งใช้รถดับเพลิงต่อสายยางฉีดน้ำยาวหลายร้อยเมตรเพื่อให้เจ้าหน้าที่ลุยเดินเท้าบุกป่าพรุเข้าไปยังจุดที่ไฟกำลังลุกไหม้ กำลังอีกส่วนหนึ่งลุยเดินเท้าบุกป่าพรุใช้กิ่งไม้ กระสอบป่านและอุปกรณ์เครื่องมือดับไฟป่าทำการตีดับไฟตามจุดที่ลุกไหม้ ทำให้การดับไฟเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสามารถดับไฟป่าทางทิศตะวีนออกของถนนจนเกือบมอดสนิท หลังจากนั้นจึงระดมกำลังและรถดับเพลิงข้ามถนนมายังฝั่งทิศตะวันตก และใช้รูปแบบและวิธีการดับไฟป่าแบบเดียวกัน จนสามารถควบคุมเปลวเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายรวมไม่น้อยกว่า 800 ไร่เศษ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องคอยเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชม.เนื่องจากหลายจุดยังมีไฟคุกรุ่นอยู่หากมีลมพัดกรรโชกแรงอาจจะทำให้ไฟป่าที่ลุกลามขึ้นได้
นางอำนวย ศรีวารินทร์ อายุ 54 ปี และนางแพร้ว ทองพลัด อายุ 60 ปี กล่าวว่าไฟฟ้าที่ลุกไหม้ป่าชุมขนเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ในครั้งนี้น่ากลัวมาก เพราะไฟได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว จนควันไฟแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่เป็นอย่างมาก จนชาวบ้านต้องอพยพเด็ก คนชรา ผู้ป่วยหนีอออกนอกพื้นที่อย่างทุลักทุเล อย่างไรก็ตามในวันนี้สถานการณ์เบาบางลงกว่า 2 วันที่ผ่านมา
นอกจากนี้ในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา (6 พ.ค.) ได้เกิดไฟป่าลุกไหม้เผาผลาญพื้นที่ป่าพรุบ้านสาคู หมู่ 3 ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช โดยไฟป่าได้ลุกลามเผาผลาญอย่างรุนแรงจนเปลวไฟพวยพุ่งแดงเถือกไปทั่วท้องฟ้าเป็นบริเวณกว้าง หรือที่เรียกว่า “ฟ้าสีเลือด” สร้างความแตกตื่นตกใจให้กับประชาชนในละแวกใกล้เคียงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทเกษตรลุ่มน้ำจำกัด ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 400-500 เมตร ทางบริษัท ฯต้องคอยเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดพร้อมเตรียมรถน้ำเครื่องสูบน้ำเอาไว้ดับไฟป่าที่อาจจะลุกลามมาถึง ในขณะที่ อบต.ช้างซ้ายและใกล้เคียงได้นำรถดับเพลิงมาฉีดสกัดไฟป่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำได้แค่การฉีดน้ำเลี้ยงไว้ไม่ให้ไฟป่าลุกลามไปใกล้บ้านเรือนประชาชน รวมทั้งโดยเฉพาะโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทเกษตรลุ่มน้ำ จำกัด ในขณะนี้ไฟป่าในจุดป่าพรุบ้านสาคู หมู่ 3 ต.ช้างซ้าย สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงและยงส่งผลกระทบต่อผู้ใช้รถใช้ถนนสายนครศรีธรรมราช-หัวไทร ที่ถูกควันไฟแผ่ปกคลุมจนมองทางไม่ค่อยเห็น .ซึ่งข่าวคืบหน้าจำนำเสนอต่อไป.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์/นครศรีธรรมราช
7 พ.ค. 2559