คดียิงยกครัวทำให้นายสุเทพ รอดสุข หรือ “ปู มารีพิทักษ์” อายุ 29 ปี และ ด.ช.ณรงค์ฤทธิ์ รอดสุข หรือ “น้องสไปร์ท”บุตรชายวัย 2 ขวบเศษเสียชีวิต ส่วนนางวาสนา โสภิณ หรือทราย อายุ 27 ปี และ ด.ญ.วิภัชชา รอดสุข หรือ “น้องน้ำอิง” อายุ 7 ขวบเมียและบุตรสาวของนายสุเทพ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบนถนนสายเลียบทางรถไฟ หมู่ 1 ต.มะม่วงสองต้น อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พบศพเมื่อเช้าวันที่ 2 พ.ค. 2559 ที่ผ่านมาและต่อลังศาลออกหมายจับนายศิริชัย บุรินทร์โกษฐ์ หรือ “ปุ๋ม ลานนม” ผู้จัดหารร้านลานนม ถนนเทวบุรี ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ที่นายสุเทพ ผู้ตายและภรรยาซึ่งบาดเจ็บเคยทำงานอยู่ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจพร้อมให้การปฏิเสธ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 5 พ.ค.2559 ว่าหลังจากที่ น.ส.ชาลินี ใจรังสี อายุ 30ปี อยู่บ้านเลขที่ 110 หมู่ 1 ต.พรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเมียของนายศิริชัย บุรินทร์โกษฐ์ หรือ “ปุ๋ม ลานนม” อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาในคดีฆ่าและพยายามฆ่ายกครัวได้นำรถยนต์กระบะตอนครึ่งยี่ห้ออีซูซุสีเทา ทะเบียน ผก-9804 นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นรถที่ต้องสงสัยว่าเป็นรถคนร้ายที่กล่องวงจรปิดจับภาพได้ขณะไล่ตามรถของนายสุเทพ ผู้ตาย มามอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ โดยจากการตรวจสอบพบพิรุธว่ารถคันดังกล่าวมีการติดสติกเกอร์ด้านข้างทั้งสองข้างและเปลี่ยนยางและล้อแม็กซ์ใหม่ แต่ น.ส.ชาลินี อ้างว่าสติกเกอร์ติดมานานตั้งแต่ช่วงเดือนสิบปี 2558 ที่ผ่านมา โดยมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งใน ต.นาเรียง ซึ่งเป็นญาติของนายศิริชัย ผู้ต้องหาเป็นคนติด
“อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่พบว่ารถคันดังกล่าวเพิ่งมีการล้างทำความสะอาด และมีรอยน้ำและน้ำยาสำหรับติดสติกเกอร์ย้อยเป็นทางลงมาด้านล้างเหมือนกับเพิ่งติดสติกเกอร์ใหม่ ๆ เจ้าหน้าที่จึงเชิญช่างติดสติกเกอร์ร้านดังแห่งหนึ่งในเมืองนครศรีธรรมราชมาช่วยตรวจสอบ ซึ่งนายช่างยืนยันว่าสติกเกอร์เพิ่งติดใหม่ ๆ ผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง และผู้ที่ติดสติกเกอร์เป็นมือสมัครเล่นเพราะติดไม่ละเอียดเรียบร้อยเหมือนช่างมืออาชีพ ในที่สุด น.ส.ชาลินี เมียของนายศิริชัย จึงยอมรับว่าเพิ่งติดสติกเกอร์ใหม่ โดยมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านใน ต.นาเรียง อ.พรหมคีรี คนหนึ่งซึ่งเป็นญาติของนายศิริชัย ผู้ต้องหาเป็นคนนำรถไปติดสติกเกอร์”
พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผกก.จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนไปเชิญตัวผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวมาสอบสวนปากคำที่โรงพัก โดยในการสอบถามช่วงแรกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวยอมรับว่ามีเพื่อนคนหนึ่งเป็นคนติดสติกเกอร์โดยตัวเองก็ช่วยติดสติกเกอร์ดังกล่าวด้วย แต่เมื่อ พ.ต.ท.อาคม จอนนุ้ย สวส.สภ.เมือง จะทำการสอบสวนปากคำอย่างเป็นทางการ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวกลับพลิกลิ้นว่าไม่รู้ ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น สร้างความปวดหัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก และเมื่อ พ.ต.อ.อดิศักดิ์ และ พ.ต.ท.อาคม ซักมาก ๆ เข้าทำให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแสดงอาการไม่พอใจ พร้อมกล่าวอย่างดุดันว่าอย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยวข้องในคดีนี้ เพราะผมเล่าความจริงทั้งหมดมันจะเดือดร้อนไปกันไปหมด จึงไม่ขอให้ปากคำใด ๆ ทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังขาดพยานหลักฐานที่จะมัดตัวผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านว่าเกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่อย่างไร จึงอนุญาตให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวกลับไป แต่จะมีการเรียกตัวมาสอบสวนปากคำอีกครั้ง
พ.ต.อ.อดิศักดิ์ กล่าวว่า การสอบสวนปำคำทั้ง น.ส.ชาลินี และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านพบพิรุธอย่างชัดเจน เชื่อว่าทั้งสองรู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับคดีนี้อย่างชัดเจนมากกว่านี้ แต่ตำรวจจะยังไม่เค้นสอบอะไรมาก เพราะในเบื้องต้นก็แน่ชัดแล้วว่ารถยนต์คันนี้เป็นรถของคนร้ายแน่นอน ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้หลายจุดตั้งแต่ขับตามรถ จยย.นายสุเทพ มาจากถนนกะโรม เลี้ยวเข้าถนนเทวบุรี ไปถึงสามแยกศาลาหมอปานเลี้ยวขวาไปตามถนนเลียบทางรถไฟ จนไปถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งห่างจากที่พบศพไม่ถึง 100 เมตร จะแตกต่างกันก็ตรงที่รถคันนี้ยังไม่ติดสติกเกอร์เท่านั้น โดยตนจะยังไม่กดดัน น.ส.ชาลินี และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้ง รองสวป.สภ.พรหมคีรี เจ้าของร้านลานนม มากในช่วงนี้ แต่หากสอบสวนพบว่ามีพยานเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุยิงยกครัวตนจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทุกนอย่างเฉียบขาดแน่นอน
“สำหรับอาวุธปืนของ รอง สวป.สภ.พรหมคีรี ที่ซื้อมาถูกต้องตามกฎหมายจำนวน 4 กระบอก และขายไปให้คนอื่นที่มีภูมิลำเนาอยู่ อ.ลานสกา 1 กระบอก โดยกระบอกที่ขายไปเป็นขนาด 9 มม. ตำรวจจะเรียกปืนทุกกระบอกมาตรวจสอบ โดยเฉพาะกระบอกขนาด 9 มม.ที่ขายไปอยู่ระหว่างติดตามคนที่ซื้อปืนไปเพื่อขอให้นำปืนกระบอกดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องการคดีนี้หรือไม่ และในส่วนของผู้ต้องหาอย่างน้อยอีก 1 คนที่ร่วมก่อเหตุคาดว่าจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเสนอขอหมายจับกุมได้ในวันสองวันนี้อย่างแน่นอน”
ทางด้าน พ.ต.ท.อาคม จอนนุ้ย สวส.สภ.เมือง กล่าวว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้มาจนถึงขณะนี้เชื่อว่ามัดตัวนายศิริชัย ดิ้นไม่หลุดแน่ ทั้งคำให้การของ น.ส.วาสนา เมียของนายสุเทพ ที่ได้รับบาดเจ็บยืนยันหนักแน่นว่านายศิริชัย คือ 1 ในคนร้ายที่ก่อเหตุ รวมทั้งรถของคนร้ายก็ชัดเจนว่าเป็นคันเกี่ยวกันกับที่ น.ส.ชาลีนี เมียของนายศิริชัย ผู้ต้องหานำมามอบให้ตำรวจแม้จะมีการติดสติกเกอร์ใหม่ก็ตาม โดยเมื่อเย็นวานนี้ตนได้ไปเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ทำการสอบสวนปากคำนายศิริชัย ผู้ต้องหาเพิ่มเติมกรณีรถยนต์คันดังกล่าว นายศิริชัย ยืนยันว่ารถไม่ได้ติดสติกเกอร์หรือข้อความใด ๆ จึงเป็นพยานหลักฐานยืนยันชัดเจนว่ามีความพยายามที่จะทำลายหลักฐานในคดีนี้
“แม้ว่าในขณะนี้พยานหลักฐานจะมัดตัวผู้ต้องหาได้คนเดียวคือนายศิริชัย ก็ตามแต่ในทางการสืบสวนสอบสวนตนมั่นใจว่าจะนำไปสู่การออกหมายตับและจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ได้เพิ่มเติมอย่างแน่นอน ประเด็นสำคัญที่สุดคือผู้ที่ร่วมก่อเหตุตามภาพกล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัดเจนว่ามี 2 คน โดยภาพได้ขณะที่ผู้ต้องหาอยู่ในรถในขณะนี้ตำรวจจึงมุ่งสืบสวนสอบสวนสาวโยงต่อไปว่าผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุอีกคนคือเป็นใคร โดยมีผู้ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย 1-2 คน ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอีกระยะหนึ่งคดีนี้อาจจะมีผู้ร่วมกระทำผิดที่พยานหลักฐานสาวโยงไปถึงมากกว่า 2 คนก็เป็นได้” พ.ต.ท.อาคม กล่าวย้ำในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคดีที่เกิดขึ้นส่งผลต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นอย่างมาก โดยทางนายพิระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ประสานงานติดตามความคืบหน้าในคดีนรี้อย่างใกล้ชิด และกำชับให้ทางตำรวจเร่งสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาทุกคนที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งในเช้าวันพรุ่งนี้ (6 พ.ค.) ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชจะเชิญ พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผกก.สภ.เมือง และ พ.ต.ท.อาคม จอนนุ้ย สวส. และทีมสืบสวนสอบสวน รวมทั้งสื่อมวลชนเข่าพบที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดีและเรียกร้องฝ่ายสื่อมวลชนให้ประชาชนชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช มีสติในการคิดก่อนจะใช้วิธีการรุนแรงในการแก้ไขปัญหา นอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง ผู้เสียหายหรือคู่กรณีแล้วยังส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและภาพลักษณ์ของบ้านเมือง ซึ่งเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองอีก.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์/นครศรีธรรมราช
5 พ.ค. 2559