วันนี้(21 เม.ย.59) เวลา 09.30 น. พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมหัวหัวหน้าส่วนราชการ และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ
โดยรองนายกรัฐมนตรี(พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย)และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างแนวหินใหญ่ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง หมู่ที่ 1 ตำบลแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง หรือแหลมตะลุมพุกโมเดล และตรวจเยี่ยมสถานที่ประสบภัยชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะ บริเวณหมู่ที่ 9 ต.ท่าพญา และหมู่ที่ 10 ตำบลขนาบนาก อ.ปากพนัง อยู่ริมถนนสายปากพนัง-หัวไทร
นายธัญญพัฒน์ พัฑฒิคงพันธ์ นายอำเภอปากพนัง กล่าวว่า อ.ปากพนังมีแนวชายฝั่ง 40 กิโลเมตร ในพื้นที่ 5 ตำบล ได้ก่อสร้างแนวหินใหญ่ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งแล้ว 8.4 กิโลเมตร ยังไม่ได้ดำเนินการ 31.6 กิโลเมตร ต้องใช้งบประมาณ 243.5 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบ และนำเสนอ EIA สำหรับความสำเร็จของโครงการแหลมตะลุมพุกโมเดล ที่รองนายกฯ ได้ตรวจเยี่ยม อยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 1และหมู่ที่ 2 ต.แหลมตะลุมพุก ระยะทางรวม 1,300 เมตร สันบนกว้าง 2 เมตร ฐานกว้าง 6 เมตร สูง 2 เมตร งบประมาณ 9,379,000 บาทจากงบพัฒนาจังหวัดนครศรีธรรมราช
นายชัยธวัช ศิวบวร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช มีแนวชายฝั่งตั้งแต่อำเภอขนอม-อำเภอหัวไทร ยาวกว่า 225 กิโลเมตร มีพื้นที่ทะเลเปิดที่มีการกัดเซาะชายฝั่งรุนแรงเกิน 5 กิโลเมตรต่อปี ยาว 60 กิโลเมตร
พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการก่อสร้างแนวหินใหญ่ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งแหลมตะลุมพุก เป็นโครงการที่เห็นผลไว ซึ่งอาจจะเหมาะกับพื้นที่นี้ จึงอยากฝากให้นักวิชาการ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ศึกษาโครงการนี้ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ว่า มีผลดีผลเสียอย่างไร อาจเป็นโครงการที่ดีเนื่องจากใช้งบประมาณไม่สูงมากนัก แต่มีประสิทธิภาพมาก เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่เป็นแบบอย่างที่ดี ตรงจุดนี้แนวกันคลื่นมีระยะทาง 1.3 กม. หลังจากที่ทำเสร็จแล้วเป็นเวลา 1 ปี จะเห็นแนวทรายกว้างมากขึ้น หลังแนวกันคลื่นมีทรายมากองจำนวนมาก จากก่อนนี้บริเวณดังกล่าวนี้ทำอะไรไม่ได้ แต่บัดนี้สามารถทำกิจกรรมต่างได้แล้ว และชาวบ้านก็พอใจ อย่างไรก็ตามต้องมีการดำเนินการต่อไปอีก เพราะที่ทำไปแล้วนั้นยังไม่เพียงพอ และที่ทำไปแล้วนั้นพิสูจน์ให้เห็นว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง จึงขอฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการศึกษาวิธีการที่ชุมชนร่วมกับราชการหรือที่เรียกว่าประชารัฐ ร่วมกันทำแนวหินใหญ่ป้องกันคลื่นดังกล่าวนี้ด้วย เพื่อเอาไปเป็นแบบอย่างในการดำเนินการที่อื่นต่อไปด้วย ส่วนเรื่องที่ดินที่มีโฉนดถูกคลื่นกัดเซาะจมอยู่ในทะเลหรือโฉนดทะเลนั้น แม้ตนไม่ได้รับผิดชอบโดยตรง แต่ทราบว่ารัฐบาลตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการเรื่องนี้เป็นการเฉพาะอยู่ เพื่อหาทางเยียวยาตามข้อเรียกร้องของประชาชน ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเกิดมานานแล้วแต่รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจพร้อมหาทางแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างเต็มที่
ต่อจากนั้นรองนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้ตรวจเยี่ยมพื้นที่ดำเนินการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินในอำนาจของรองนายกรัฐมนตรี(พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) โครงการขุดลอกคลองส่งน้ำสายประตูน้ำองค์การบริหารส่วนจังหวัด (บ้านนายนุกูล วังจำนง – บ้านนายเยื้อน ภู่เจนจบ ) หมู่ที่ 10 ตำบลการะเกด อ.เชียรใหญ่ ซึ่งสภาพคลองเดิมปากกว้าง 6 เมตร ลึก 1.20 เมตร ท้องคลองกว้าง 3 เมตร ระยะทาง 1,080 เมตร จะขุดลอกใหม่ให้ได้ขนาดปากกว้าง 8 เมตร ลึก 2.20 เมตร ท้องคลองกว้าง 4.50 เมตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ในการกทำนาปลูกข้าว ไร่นาสวนผสม และสวนปาล์ม โดยมีนายมนตรา พรมสินธุ นายอำเภอเชียรใหญ่ และนายอภิเชษฐ พรัดชู นายกเทศมนตรีตำบลการะเกดร่วมบรรยายสรุป สำหรับอำเภอเชียรใหญ่ได้รับการจัดสรรงบประมาณดำเนินการ กว่า 3 ล้านบาท รวม 8 โครงการ และตรวจเยี่ยมพื้นที่ดำเนินโครงการขุดลอกคลองหนองจระเข้ หมู่ที่ 7 ตำบลบางนบ อ.หัวไทร มีระยะทางดำเนินการ 3,680 เมตร เพื่อผันน้ำจากคลองพระราชดำริ(คลองส่งน้ำชลประทานสาย 1) มากักเก็บไว้ให้แก่เกษตรกร 105 ครัวเรือน จำนวนประชากร 300 คน โดยมีนายสิทธิชัย เผ่าพันธุ์ นายอำเภอหัวไทร และนายพิสิษฐ์ แป้นเหลือ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางนบ ร่วมบรรยายสรุป สำหรับอำเภอหัวไทร ได้รับจัดสรรงบประมาณงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินในอำนาจของรองนายกรัฐมนตรี(พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) จำนวน 10 โครงการงบประมาณกว่า 4 ล้านบาท
ส.ปชส.นครศรีธรรมราช
21 เมษายน 2559