ดร.มนู เมฆโสภาวรรณกุล วิศวกรสิ่งแวดล้อมผู้บริหารบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นแกนนำในการคัดค้านกล่าวว่า อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช สภาพทางนิเวศน์ที่สวยงาม และมีความอุดมสมบูรณ์ของชายฝั่งอย่างมาก และ อ.ขนอม เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะทางทะเลที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยก่อนหน้านี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้มีการส่งทีมสำรวจเข้ามาขุดเจาะสำรวจพื้นที่หาความเหมาะสมมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่สนใจที่ประสานงานแจ้งกับท้องถิ่นหรือชาวบ้านในพื้นที่ทราบถึงกิจกรรมท่ามกลางความกังวลและสงสัยของชาวบ้าน ส่วนการเคลื่อนไหวคัดค้านของชาวขนอมครั้งนี้ซึ่งถือว่าเป็นการแสดงออกถึงการคัดค้านครั้งแรกของชาวอำเภอขนอม โดยการกระทำของชาว อ.ขนอม เป็นไปด้วยหลักการและเหตุผล โดยสรุปคือ “ชาวขนอมไม่ต้องการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์”
“ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตและรัฐบาลอาจจะเห็นว่าที่ผ่านมาคนขนอมนิ่งเฉยไม่มีการคัดค้านแม้ว่าโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในพื้นที่จะส่งผลต่อทะเลและระบบนิเวศน์มาตลอด แม้โรงไปฟ้า จะปล่อยน้ำร้อนจากระบบหล่อเย็นในโรงไฟฟ้าขนอมที่มีอุณหภูมิสูงถึง 37-38 องศา ออกมาในทะเลจนสร้างผลกระทบกับระบบนิเวศมาโดยตลอด แตกต่างกับโรงไฟฟ้าราชบุรีที่ถูกควบคุมคุณภาพการปล่อยน้ำร้อนจากระบบหล่อเย็นอยู่ที่ 32 องศา และที่ผ่านมาไม่มีใครต่อต้านคัดค้าน จึงคิดที่จะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขึ้นในพื้นที่”
ดร.มนู เมฆโสภาวรรณกุล ยังกล่าวถึงการใช้อำนาจตามมาตรา 44 มาดำเนินการ ว่าขอยืนยันว่าไม่ได้น่ากลัว เพียงแค่เป็นเครื่องมือของการทำให้ขั้นตอนของโครงการเป็นไปได้เร็วยิ่งขึ้นแต่ทั้งนี้จะต้องขึ้นอยู่กับผลการศึกษา รวมทั้งการทำประชาพิจารณ์ต้องเกิดขึ้นก่อนโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการรณรงค์เคลื่อนไหวต่อต้านและคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ใน อ.ขนอม เกิดขึ้นกลุ่มนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ปราชญ์ชาวบ้าน นักวิชาการท้องถิ่น นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไป จนสามารถสร้างความตื่นตัวให้กับชาวขนอมเป็นอย่างมาก หลังจากนี้จะมีการรณรงค์ให้ประชาชนใน อ.ขนอม ทุกหลังคาเรือนจัดทำแผ่นป้ายสัญลักษณ์การคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ติดที่หน้าบ้านของตัวเอง.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /สายัณห์ ศรีใหม่ /นครศรีธรรมราช
5 เม.ย. 2559