วันนี้(1 เม.ย.59) เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมศรีปราชญ์ ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการในการนำเสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารจังหวัดนครศรีธรรมราช(พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช) เพื่อขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลก ครั้งที่ 3/2559 โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยที่ประชุมได้รับทราบผลการตรวจหาค่าของอิฐที่ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดีเพื่อหาค่าอายุการก่อสร้างองค์พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ และติดตามความคืบหน้าการบูรณะพระบรมธาตุฯ การจัดทำเอกสารฉบับสมบูรณ์ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาระบบไฟฟ้าส่องสว่างภายในวัด และการแก้ไขปัญหาถนนบริเวณหน้าวัด
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากการขุดค้นทางโบราณคดีของกรมศิลปากร โดยสำนักศิลปากรที่ 14 เพื่อตรวจหาค่าอายุของอิฐที่ได้จากการขุดตรวจบริเวณฐานพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยวิธีการเรืองแสงความร้อน ณ ห้องปฏิบัติการเรืองแสงความร้อน ภาควิชาวิทยาศาสตร์พื้นพิภพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จำนวน 12 ตัวอย่าง หาค่าอายุได้ 11 ตัวอย่าง โดยเฉพาะตัวอย่างอิฐที่บริเวณเจดีย์ราย หรือเจดีย์บริวาร ที่ความลึกประมาณ 1เมตรเศษ มีอายุประมาณ 1,021 ปี บวกลบ(±) 51 ปี และที่บริเวณฐานพระบรมธาตุ มีอายุประมาณ 1,119 ปี ± 67 ปี หรือราว พ.ศ. 1440 – 1500 ตรงกับพุทธศตวรรษ 15 ดังนั้นเมื่อประมาณ 1,000 ปีมาแล้ว มีการสร้างศาสนสถานขึ้นบริเวณที่ตั้งองค์พระบรมธาตุนครศรีธรรมราชปัจจุบัน ต่อมาเมื่อประมาณ 800 ปี มาแล้ว มีการสร้างองค์พระบรมธาตุนครศรีธรรมราชที่มีรูปลักษณะใกล้เคียงกับองค์พระบรมธาตุที่เห็นในปัจจุบัน
นายอาณัติ บำรุงวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ส่วนที่มีนักวิชาการบางคนระบุว่าพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช น่าจะมีอายุประมาณ 800 ปี และน่าจะมีการนำอิฐเก่ามาใช้ใหม่นั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะจากการขุดค้นพื้นที่บริเวณใกล้เคียงไม่พบแผ่นอิฐในบริเวณดังกล่าว
ผศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า คณะกรรมการฝ่ายวิชาการ จัดทำเอกสารเพื่อนำเสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลก จะนำผลการตรวจหาค่าของอิฐที่ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดีเพื่อหาค่าอายุการก่อสร้างองค์พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช ไปบรรจุไว้ในภาคผนวกของเอกสาร Domination Dossier ด้วยซึ่งสอดคล้องกับเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่ได้รวบรวมไว้ก่อนแล้ว และวันที่ 19 เมษายน 2559 คณะกรรมการวิชาการฯ ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะมีการประชุมรับฟังความคิดเห็นการจัดทำแผนอนุรักษ์คุ้มครองวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ณ โรงแรมทวินโลตัสนครศรีธรรมราช จากนั้นวันที่ 22-23 มิถุนายน 2559 จะมีการประชุมทางวิชาการภาคภาษาอังกฤษ เพื่อให้นักวิชาการจากประเทศเพื่อนบ้านและประเทศไทย ได้สรุปการจัดทำเอกสารฉบับสมบูรณ์ เพื่อส่งให้กรมศิลปากรกลั่นกรองต่อไป
นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า สำหรับความคืบหน้าการบูรณะพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช นั้น ได้รับอนุมัติงบประมาณของกลุ่มจังหวัดฝั่งอ่าวไทยภาคใต้ตอนบน เรียบร้อยแล้ว กว่า 29 ล้านบาท ซึ่งสำนักศิลปากรที่ 14 กำลังดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบพัสดุ และแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน แต่ในชั้นต้นต้องมีการรื้อนั่งร้านที่ติดตั้งอยู่เดิมซึ่งใช้สำหรับขึ้นไปสำรวจลงก่อน คาดว่าจะสามารถเริ่มรื้อถอนได้ภายในเดือนเมษายนนี้ ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จากนั้นจะมีการติดตั้งนั่งร้านใหม่ ซึ่งจะมีความแข็งแรง และมีพื้นที่มากกว่านั่งร้านเดิม เพื่อใช้สำหรับการปฏิบัติงานของช่างสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร พร้อมกันนั้นจะมีการจัดทำห้องคลังที่วิหารศาลาธรรมศาลาตามรูปแบบเมื่อปี พ.ศ. 2537 เมื่อครั้งบูรณะพระบรมธาตุ เพื่อใช้สำหรับเก็บรักษาทองคำที่จะรื้อจากปลียอดลงมา ก่อนทำการบูรณะปลียอด ส่วนทองคำที่จัดซื้อมาใหม่นั้น กรมศิลปากรจะจัดซื้อมาจากกรมธนารักษ์ สำหรับขั้นตอนและระยะเวลาในการปฏิบัติงานทางสำนักศิลปากรที่ 14 จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะ ส่วนปัญหาเรื่องไฟแสงสว่างส่ององค์พระบรมธาตุ ที่อยู่ภายในนั้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานกับบริษัท ฟิลิปส์ จำกัด ที่เป็นผู้รับจ้างติดตั้งแล้ว ซึ่งยังอยู่ในระหว่างค้ำประกันสัญญา โดยบริษัทจะเข้าปรับปรุงแก้ไขภายในเดือนเมษายนนี้ ส่วนที่อยู่ภายนอกบริเวณลานทราย ทางบริษัท ฟิลิปส์ จำกัดจะมีการนัดหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่งเนื่องจากมีพื้นที่ทับซ้อนกันในการก่อสร้างเพื่อสรุปหาเท็จจริงก่อนที่จะปรับปรุงแก้ไข เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบริเวณลานทรายและภายในวิหารคต ทางนายถาวรวัฒน์ คงแก้ว ปลัดจังหวัดหัวหน้าคณะทำงาน กำลังดำเนินการแก้ไข โดยจะมีการเพิ่มรางระบายน้ำระบบเปิด บ่อจุดพักน้ำเพิ่มขึ้น อีก 3 จุด เพื่อให้น้ำระบายได้รวดเร็วขึ้นเมื่อฝนตก นอกจากนี้การปรับปรุงฝาท่อและพื้นถนนที่เป็นทางลาดบนถนนราชดำเนินบริเวณหน้าวัดพระมหาธาตุฯ ที่ชำรุดนั้น ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาได้ประสานไปยังผู้รับจ้างให้ปรับปรุงแก้ไขแล้วเช่นกัน สำหรับการห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปและรถบัสวิ่งผ่านถนนราชดำเนินหน้าวัดพระมหาธาตุนั้น เป็นไปตามมติที่ประชุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้มีประกาศของเจ้าพนักงานจราจรเรียบร้อยแล้ว
ส.ปชส.นครศรีธรรมราช
1 เมษายน 2559