สำหรับการจัดโครงการดังกล่าวเพื่อตรวจสอบความพร้อม สมรรถภาพทางกายภาพและจิตใจของผู้ได้รับอนุญาต เพื่อการจัดเก็บหัวกระสุน ปลอกกระสุนของอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาต เป็นฐานข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธปืนในจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับอาวุธปืน ตลอดจนการครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น
ในโอกาสนี้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเยี่ยมชมการเก็บหัวกระสุนและปลอกกระสุน ว่า
การจัดโครงการดังกล่าวถือเป็นกิจกรรมที่ดีของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และถือเป็น “นครศรีธรรมราชโมเดล” ที่จะขยายผลการปฏิบัติงานไปยังจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 ทั้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุมพรและจังหวัดอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้เนื่องจากจากข้อมูลของกองแผนงานอาชญากรรม สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเดือนตุลาคม 2558 พบว่ามีหลายจังหวัดที่มีผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนที่ถูกกฎหมายมากกว่า 100,000 ราย โดยเฉพาะจังหวัดในพื้นที่ความรับผิดชอบของตำรวจภูธร ภาค 8 โดยจังหวัดนครศรีธรรมราช มีอาวุธปืนได้รับอนุญาตมากกว่า 120,000 กระบอก รองลงมาเป็นจังหวัดสุราษฎร์ธานีกว่า 109,000 กระบอก และจังหวัดชุมพร กว่า 50,000 กระบอก โดยการจัดทำโครงการครั้งนี้เพื่อนำร่องเกี่ยวกับการทำฐานข้อมูลอาวุธปืน ในการป้องกันปราบปราม สืบสวนปราบปรามอาชญากรรม โดยจะทำบันทึกข้อตกลงใน 3 ระดับ คือ ทำบันทึกข้อตกลงระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัด กับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ,ระหว่างผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกับพิสูจน์หลักฐาน 8 และระหว่างนายอำเภอกับหัวหน้าสถานีตำรวจ
อุไรวรรณ/ข่าว
ฉลอง/ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
7 มีนาคม 2559