โดยที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะทำงาน หรือคณะผู้ก่อตั้งขึ้นมา 1 ชุด ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากทุกองค์กรภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางอย่างน้อย องค์กรละ 1 คน เพื่อทำหน้าที่ในการยกร่างวัตถุประสงค์ ระเบียบข้อปฏิบัติหรือข้อตกลง/ข้อบังคับขององค์กร รวมทั้งการตั้งชื่อองค์กรใหม่ว่าจะใช้ชื่อว่าอะไรเพื่อให้ครอบคลุมและเป็นที่ยอมรับของทุกเครือข่าย แล้วจึงค่อยนัดประชุมเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้งหนึ่ง
นายพงศ์เทพ ไข่มุกด์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ปัจจุบันจังหวัดนครศรีธรรมราชมีกลุ่มองค์กร/ภาคีเครือข่ายชาวสวนยางหลายองค์กร/หลายกลุ่ม ทำให้ขาดความเข้มแข็ง และขาดเอกภาพในการขับเคลื่อน ดังนั้นแนวคิดการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความอยู่ดีกินดีของเกษตรกรชาวสวนยาง โดยเฉพาะการเข้าถึงสวัสดิการต่าง ๆ จากภาครัฐ ส่วนเกษตรกรก็ยังสามารถสังกัดกลุ่ม องค์กร/ภาคีเครือข่ายเดิมต่อไปได้
นอกจากนี้ทางตัวแทนกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยาง่ มีความเป็นห่วงเรื่องการขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยาง และสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ตาม พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย เนื่องจากการสื่อสารข้อมูลยังไม่ชัดเจน เกษตรกรมีความสับสน จึงขอให้หน่วยงานผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่เกษตรกรชาวสวนยางด้วย ซึ่งการขึ้นทะเบียนเกษตรกรทางเจ้าของสวนยางต้องขึ้นทะเบียนให้ครบทุกแปลงไม่จำกัดจำนวนไร่และอายุของต้นยางพารา ที่มีเอกสารหลักฐานที่ดินถูกต้อง รวมทั้งผู้เช่าสวนยาง ผู้ทำสวนยาง คนกรีดยาง/ผู้รับจ้างกรีดยางก็ต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรด้วย และต้องสังกัดสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางองค์กรใดองค์กรหนึ่งด้วย ซึ่งการขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยาง เป็นคนละส่วนกันกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 ที่เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขออนุมัติงบช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง โดยชดเชยต้นทุนการผลิตรายละไม่เกิน 15 ไร่ ซึ่งแบ่งให้เจ้าของสวนยาง 900 บาทต่อไร่ และ คนกรีดยางที่เป็นคนไทย 600 บาท ต่อไร่ คิดเป็นสัดส่วน 60:40 ดังนั้นการขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง เป็นการขึ้นทะเบียนเพื่อสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของชาวสวนยาง ตาม พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ที่ทำการการยางแห่งประเทศไทย หรือสำนักงานสงเคราะห์กองทุนการทำสวนยางเดิม (สกย.)
ส.ปชส.นครศรีธรรมราช
9 พฤศจิกายน 2558