นายเสกสรรค์ สุขสง ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนได้คบหาเป็นแฟนกับ น.ส.เหมียว (นามสมมุติ) อายุประมาณ 18 ปี หมู่ 11 ต.เทพราช อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราชโดย น.ส.เหมียว จะออกจากบ้านไปอาศัยอยู่กับตนที่บ้านคราวละหลาย ๆ วัน จนคนทั่วไปรับรู้กันอย่างกว้างขวางว่า น.ส.เหมียว คือแฟนที่อยู่กินฉันสามีภรรยากับตน อย่างไรก็ตามทางฝ่ายพ่อแม่ และญาติพี่น้องของ น.ส.เหมียว ไม่ยินยอมให้ น.ส.เหมียว อยู่กินกับตนจึงพยายามขัดขวางมาตลอด และได้ขอให้ น.ส.เหมียวกลับไปอยู่บ้าน
“จนกระทั้งเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา น.ส.เหมียว (นามสมมุติ) ได้โทรไปบอกตนว่าอยู่บ้านคนเดียว เนื่องจากพ่อของ น.ส.เหมียว เดินทางไปรับแม่ที่โรงพยาบาลในอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา จึงขอให้ตนไปอยู่เป็นเพื่อน ตนจึงเดินทางไปอยู่เป็นเพื่อนโดยหลังจากตนเข้าไปอยู่ภายในบ้านของ น.ส.เหมียวได้ประมาณ 20 นาที ได้มี“จ่าเป็ด” เป็นตำรวจสังกัดตำรวจภูธรภาค 8 จ.สุราษฎร์ธานี และเป็นญาติสนิทของ น.ส.เหมียว พร้อมพวกรวม 5 ได้มาที่บ้าน น.ส.เหมียว ก่อนใช้อาวุธปืนพกสั้นชักออกมาจี้บังคับไม่ให้ตนขัดขืน ก่อนช่วยกันจับตนมัดเอามือไพล่หลัง และรุมชกต่อย ตบตี กระทืบซ้ำ จนได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าฟกซ้ำ บริเวณเปลือกตาบนด้านซ้ายแตกเลือดไหล ตาห้อเลือด และยังมีแผลตามร่างกายอีกหลายแห่ง หลังจากรุมทำร้ายตนแล้วกลุ่มชายฉกรรจ์ได้โทรศัพท์ไปแจ้งยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เปลี่ยน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ให้มารับตัวตนที่บ้านเกิดเหตุ พร้อมกับแจ้งข้อหาบุกรุกยามวิกาลและข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.เหมียว
นายเสกสรร กล่าวอีกว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เปลี่ยน อ.สิชล ท้องที่เกิดเหตุมารับตัวตนไปดำเนินคดีที่โรงพัก ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาข้อหาบุกรุกยามวิกาลและข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.เหมียว โดยตนได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตน ส่ง รพ.สิชล ให้แพทย์ตรวจร่างกายที่ถูกทำร้ายซึ่งแพทย์ต้องบริเวณเปลือกตาบนด้านซ้าย 5 เข็ม และต่อมานายศักดิ์ชัย สุขแสง อายุ 53 ปี บิดาของตนได้นำหลักทรัพย์ 5 แสนบาทมายื่นประกันตัวตนออกมา แต่ตนได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เปลี่ยน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่รุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ
“ตนยืนยันว่าไม่ได้บุกรุกและข่มขืน น.ส.เหมียว ในคืนเกิดเหตุแม้แต่น้อย ตนมาที่บ้าน น.ส.เหมียว เพราะ น.ส.เหมียว โทรศัพท์ไปขอร้องให้ตนมาอยู่เป็นเพื่อน แต่ยอมรับว่าตนกับ น.ส.เหมียว มีความสัมพันธ์กันมานานแล้ว การที่ตนถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาข้อหาบุกรุกยามวิกาลและข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา จึงไม่เป็นความจริงและเป็นการยัดเยียดข้อหาดำเนินคดีกับตนอย่างไม่เป็นธรรม และตนเกรงว่าการที่ตนแจ้งความดำเนินคดีกับ “เจ้าเป็ด ตำรวจภาค 8 พร้อมพวกรวม 5 คน อาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะ “จ่าเป็ด”เป็นตำรวจทางตำรวจอาจจะเข้าข้างพวกเดียวกันก็ได้ จึงเดินทางมาร้องเรียนกับศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชน เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นมือเข้ามาให้ความเป็นธรรมกับตนในเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.ท.ศตายุ เทพลักษณ์ พนักงานสอบสวน สภ.เปลี่ยน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ซ่างเป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีทำการเรียกตัว “จ่าเป็ด” และผู้ร่วมก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกายนายเสกสรรค์ สุขสง มารับทราบข้อกล่าวหาและให้ปากคำเบื้องต้นแล้วจำนวน 3 คน ส่วนที่เหลืออีก 2 คน จะเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาและสอบปากคำตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์/นครศรีธรรมราช
10 ส.ค. 2558