วันนี้(20 ก.ค.58)ที่ห้องประชุมศรีปราชญ์ ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด ครั้งที่ 2/2558 โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคเกษตรกร เข้าร่วมประชุม
โดยที่ประชุมได้รับทราบหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบเก็บสต็อกของ อคส. ปี 2558 ตามมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ซึ่งคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ(กนป.) มีมติเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2558 ให้องค์การคลังสินค้า หรือ อคส. รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) ปริมาณ 100,000 ตัน จากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 26.20 บาทและกำหนดให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มต้องรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4.20 บาท ที่อัตราน้ำมันร้อยละ 17 ระยะเวลาการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ 6 เดือน ตั้งแต่มิถุนายน-พฤศจิกายน 2558 ในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราชมีโรงงานที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ จำนวน 2 ราย คือ บริษัท เอส.พี.โอ.อะโกรอินดัสตรีส์ จำกัด และ บริษัท เกษตรลุ่มน้ำ จำกัด ได้รับการจัดสรรโควตา CPO จำนวน 8,443 ตัน ดังนั้นจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงขอให้เกษตรกรสวนปาล์มที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าวขอให้ไปขึ้นทะเบียนเกษตรกรปลูกปาล์มน้ำมัน หรือ แจ้งยืนยันสิทธิ์กรณีที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้วเพื่ออกใบรับรอง ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ โดยผู้ที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ต้องเป็นเกษตรกรรายย่อยที่มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันไม่เกิน 70 ไร่ โดยเกษตรกรสามารถจำหน่ายผลปาล์มดิบตามมาตรการได้ครัวเรือนละไม่เกิน 105 ตัน โดยกำหนดให้โรงสกัดน้ำมันและลานเทรับซื้อผลปาล์มทะลายและผลปาล์มร่วงจากเกษตรกรในราคาเดียว อัตราน้ำมันร้อยละ 17 ไม่ต่ำกว่า กก.ละ 4.20 บาท อย่างไรก็ตามกรณีเกษตรกรขายให้ลานเท หรือผู้รวบรวมผลผลิต จะมีการถูกหักค่าขนส่งและค่าบริหารจัดการของลานเทหรือผู้รวบรวมผลผลิต ซึ่งจะทำให้เกษตรเกษตรขายปาล์มได้จริงไม่ถึงกิโลกรัมละ 4.20 บาท
นอกจากนี้ที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปวิเคราะห์ข้อมูลด้านปริมาณผลไม้แต่ละชนิดโดยเฉพาะมังคุดที่จะออกสู่ตลาด รวมทั้งวิเคราะห์ด้านราคาโดยเฉพาะข้อมูลของปีที่ผ่านมา เพื่อหามาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป
ที่มา : ส.ปชส.นครศรีธรรมราช
วันที่ 20 กรกฎาคม 2558