( 17 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีการนัดประชุมรวมพลังของกำนันผู้ใหญ่บ้านทั่วจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวนประมาณ 300 กว่าคน โดยมีนายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทยและประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.นครศรีธรรมราช นายกวี ศรีวิสุทธิ์ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอท่าศาลา ร่วมเป็นแกนนำในการประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้านทั่วจังหวัดนครศรีธรรมราช
นายกวี ศรีวิสุทธิ์ กำนัน ต.หัวตะพาน อ.ท่าศาลา ในฐานะประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ท่าศาลา ได้เป็นตัวแทนกำนันผู้ใหญ่บ้านทั้งหมดอ่านแถลงการณ์ว่าจากกรณีตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ร่วมกับทหารนำหมายค้นของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปตรวจค้นบ้านและจับกุมดำเนินคดีกับนายนิรัตน์ เชาวลิต ผญบ.หมู่ 1 ต.หัวตะพาน อ.ท่าศาลา และนายปรินทร อิวิโส สารวัตรกำนัน ต.โมคลาน อ.ท่าศาลา โดยกล่าวหาว่ามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน พร้อมของกลางอาวุธปืนสั้นชนิดกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม.พร้อมกระสุนปืน 18 นัด ตรวจค้นได้จากบ้านนายนิรัตน์ เชาวลิต และอาวุธปืนพกสั้นชนิดลูกโม่ ขนาด .357 พร้อมกระสุนปืน 49 นัด จากบ้านนายปรินทร อิวิโส
“โดยบุคคลทั้งสองได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทราบแล้วขณะจับกุมว่าปืนดังกล่าวได้ซื้อมาโดยได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนอาวุธปืนท้องที่อำเภอท่าศาลา พร้อมทั้งได้แสดงหลักฐานใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล (แบบ ป.3) ที่ทางร้านจำหน่ายอาวุธปืนได้สลักหลังจำหน่ายอาวุธปืน และรายละเอียดอาวุธปืนแก่ผู้ซื้อ แต่ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไม่ฟังเหตุผลดังกล่าว อ้างว่าบุคคลทั้งสองไม่มีใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน(แบบ ป.4) นำบุคคลทั้งสองส่ง สภ.ท่าศาลา โดยพนักงานสอบสวนได้นำบุคคลทั้งสองไปควบคุมห้องขังก่อนที่จะทำการสอบสวน แม้แต่ปลัดอำเภอในฐานะผู้บังคับบัญชาของบุคคลทั้งสองจะมาชี้แจงยืนยันถึงความถูกต้องในการขออนุญาตซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล(แบบ ป.3) แต่พนักงานสอบสวนยังแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งขณะนี้บุคคลทั้งสองได้รับการประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราวแล้ว”
ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอท่าศาลา กล่าวอีกว่า ต่อมาทางอำเภอท่าศาลา ได้มีหนังสือถึง ผกก.สภ.ท่าศาลา เพื่อยืนยันถึงความถูกต้องในการออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล (แบบ ป.3) พร้อมทั้งแนบหนังสือของกรมการปกครองที่ มท 0307.4/4387 ลงวันที่ 20 พ.ค.2552 เรื่องขอตรวจสอบเอกสารมีไปถึงอัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 13 พร้อมคำพิพากษาของศาลฎีกา ที่ 5139/2545 ระหว่างพนักงานอัยการ จ.นครปฐม(โจทก์) กับ จำเลยคนหนึ่งเพื่อเทียบเคียงกับกรณีของคดีดังกล่าวข้างต้น
“สรุปได้ว่าการขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน ผู้ขอจะต้องยื่นคำขอต่อนายทะเบียนอาวุธปืนปืนท้องที่ที่ผู้ขอมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านก่อน เมื่อนายทะเบียนอาวุธปืนท้องที่เห็นว่าผู้ขอมีคุณสมบัติตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯจึงจะอนุญาตให้ซื้อหรือรับโอนปืนได้ โดยออกใบอนุญาตแบบ ป.3 ให้ จากนั้นผู้ขอจึงนำใบ ป.3 ดังกล่าวไปซื้ออาวุธปืนจากร้านค้าหรือผู้ขาย แล้วนำอาวุธปืนพร้อมหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปแสดงต่อนายทะเบียนฯเพื่อออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แบบ ป.4 ถือได้ว่านายทะเบียนอาวุธปืนผู้ออกใบอนุญาตให้ผู้ขอมีและใช้อาวุธปืนแล้วตั้งแต่ออกใบ ป.3”
ซึ่งจากหนังสือของกรมการปกครองและคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวเมื่อเทียบเคียงกับกรณีของนายนิรัตน์ เชาวลิต และนายปรินทร อิวิโส ได้ปราศจากข้อสงสัยใด ๆ ว่าบุคคลทั้งสองไม่ได้กระทำความผิดตามกม.แต่อย่างใด ซึ่งการกระทำของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่นำบุคคลทั้งสองส่งพนักงานสอบสวนและควบคุมเข้าห้องขังเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วย กม. เกินกว่าเหตุและไม่เหมาะสม พวกเรา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ผช.ผญบ. แพทย์ประจำตำบล ในฐานะนักปกครองและเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง เห็นด้วยอย่างยิ่งในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะอาชญากรรมที่เกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ และส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน พวกเราพร้อมให้การสนับสนุนและร่วมปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยดีมาตลอด
แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมและพนักงานสอบสวนหรือขาดความรอบคอบในครั้งนี้จะต้องหันหน้ามาคุยกัน แล้วแก้ไขข้อผิดพลาด เพื่อร่วมดูแลบ้านเมืองตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ซึ่งพวกเราขอเรียกร้องดังนี้คือขอให้ ผวจ.นครศรีธรรมราชและ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้หาข้อยุติและเอากรณีดังกล่าวเป็นกรณีศึกษา พร้อมทั้งออกหนังสือเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนายทะเบียนฯ ทั้งตำรวจและผู้ขออนุญาตซื้ออาวุธปืนจะได้เป็นบรรทัดฐานไม่ต้องสุ่มเสี่ยงกับการทำผิด กม.และก่อประโยชน์ทุกฝ่าย และเห็นด้วยกับการตรวจค้นจับอาวุธปืน แต่ไม่เห็นด้วยกับการนำมาอาวุธปืนมารวมกันแล้วจัดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทั้ง ๆ ที่อาวุธที่นำมาแถลงข่าวเป็นอาวุธที่ถูกต้องแทบทั้งสิ้น เพราะเป็นการสร้างภาพพจน์ไม่ดีให้กับ จ.นครศรีธรรมราช เป็นการทำลายบรรยากาศท่องเที่ยว นักลงทุนไม่กล้ามาลงทุน ลงชื่อ ชมรมกำนัน ผญบ.อำเภอท่าศาลา ชมรมกำนัน ผญบ.จ.นครศรีธรรมราช สมาคมกำนัน ผญบ.แห่งประเทศไทย และเพื่อน ๆ นักปกครองทุกคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นนายกวี ศรีวิสุทธิ์ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผวจ.นครศรีธรรมราช ผ่านทางนายกิตติพงศ์ รองเดช หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนจะนำคณะเดินทางไปยังกองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ยื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอาง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างฝ่ายปกครองกับตำรวจป้องกันไม่ให้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวต่อไป.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
17 มิ.ย. 2558