เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 9 มี.ค. 2558 พ.ต.อ.สุวัฒน์ แตงคูหา ผกก.สภ.ชะเมา จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีคนคลุ้มคลั่งใช้มีดจี้จับตัวประกันบริเวณบ้านเลขที่ 208/1 หมู่ 17 บ้านล่าง ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วยกำลังตรวจรีบรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว ทะเบียน กม-4998 ภูเก็ต จอดอยู่ไม่หน้าบ้าน โดยมีนายสมคิด เงินแก้ว อายุ 63 ปี และนางอำพร เงินแก้ว อายุ 58 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของบ้านยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยอาการตกใจสุดขีด แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าภายในรถเก๋งมีนายดุสิต ตันตระกูล อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/1207 หมู่ 3 ถนนรัษฎา ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นเจ้าของรถและเป็นบุตรเขยของตนได้ใช้มีดจี้จับ น.ส.จิมารินทร์ เงินแก้ว อายุ 36 ปี บุตรสาวของตนเป็นตัวประกันอยู่ในรถ
เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบพบนายดุสิตซึ่งอยู่ในอาการเหมือนคนเมายาบ้าพูดจากไม่รู้เรื่อง แววตาดุดัน กำลังใช้มีดปลายแหลมยาวกว่า 1 คืบจี้อยู่ที่ลำคอของ น.ส.จิมารินทร์ ตลอดเวลา และข่มขู่ห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาใกล้ ๆ หากไม่เชื่อฟังจะใช้มีดปาดคอ น.ส.จิมารินทร์ ทันที พ.ต.อ.สุวัฒน์ ใช้พยายามเกลี้ยกล่อมให้นายดุสิต ยอมปล่อยตัวประกันและยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่นายดุสิต ไม่ยินยอม และดูเหมือนจะมีอาการคลุ้มคลั่งเพิ่มมากขึ้น ตะโกนขอให้ตำรวจถอยออกไปห่าง ๆ พ.ต.อ.สมศักดิ์ จึงปฏิบัติตามเพื่อป้องกันตัวประกันอันตรายที่จะเกิดกับตัวประกัน และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ท่อนไม้ ก้อนหิน วางขีดขวางบนถนนเป็นระยะ และให้กระจายกำลังประจำตามจุดต่าง ๆ บนถนนเพื่อสกัดรถของนายดุสิต ที่อาจจะขับหลบหนี โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวประกันเป็นสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สุวฒน์ แตงคูหา พยายามเข้าไปเจรจาเกลี้ยกล่อมนายดุสิต ให้ยอมปล่อยตัว น.ส.จิมารินทร์ เป็นรอบที่ 2 โดยออกอุบายว่าหากปล่อยตัวประกันเจ้าหน้าที่ตำรวจจะปล่อยให้นายดุสิต ขับรถกลับไป โดยไม่มีการจับกุมดำเนินคดีใด ๆ แต่ไม่เป็นผลเมื่อนายดุสิต ประกาศว่าจะต้องนำ น.ส.จิมารินทร์ กลับไปด้วย จากนั้นได้ขับรถเก๋งคันดังกล่าวหลบหนีไปตามถนนทันที พ.ต.อ.สวัฒน์ จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำอยู่ตามเส้นทางใช้อาวุธปืนยิงล้อยางรถยนต์ จนล้อยางระเบิดก่อนจะบุกจู่โจมเข้าถึงตัวนายดุสิต พร้อมล็อคคอเอาไว้สามารถช่วยตัวช่วย น.ส.จิมารินทร์ ตัวประกันเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย โดย น.ส.จิมารินทร์ ได้รับบาดเจ็บคมมีดบาดที่ลำคอเล็กน้อย
นางอำพร เงินแก้ว แม่ของ น.ส.จิมารินทร์ เปิดเผยว่า บุตรสาวได้ไปทำงานที่ จ.ภูเก็ต และได้อยู่กินกับนายดุสิต 3-4 ปี แต่ น.ส.จิมารินทร์ ไม่สามารถทนอยู่กับนายดุสิตได้ เนื่องจากนายดุสิต หึงหวงและมีอารมณ์แปรปรวน ทุบตีทำร้าย น.ส.จิมารินทร์ อย่างรุนแรงโหดร้ายทารุณ น.ส.จิมารินทร์ จึงหลบหนีกลับมาบ้าน จนกระทั้งเมื่อช่วงเช้าตรูที่ผ่านมานายดาสิต บุตรเขยได้ขับรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวตามมาถึงที่บ้าน และไม่พูดพล่ามทำเพลงได้บุกเข้าไปในห้องนอนใช้มีดจี้ลำคอ น.ส.จิมารินทร์ บุตรสาวลากตัวออกจากบ้านจะพาไปขึ้นรถเก๋ง ตนพยายามเข้าไปช่วยเหลือบุตรสาว โดยสามารถแย่งกุญแจรถเก๋งของนายดุสิต เอาไว้ได้ ทำให้นายอุสิต ไม่สามารถขับรถพา น.ส. จิมารินทร์ บุตรสาวหลบหนีได้
“จึงมีการต่อรองกันระหว่างตนกับนายดุสิต บุตรเขย โดยขอให้นายดุสิต ปล่อยตัว น.ส.จิมารินทร์ แล้วจะคืนกุญแจรถยนต์ให้ นายดุสิต จึงยอมปล่อย น.ส.จิมารินทร์ ตนจึงคืนกุญแจให้ แต่แทนที่นายอุสิต จะขับรถกลับไป นายดุสิต กลับใช้มีดปลายแหลมบุกเข้าประชิดตัว น.ส.จิมารินทร์ พร้อมใช้มีดจี้ที่ลำคอลากตัว น.ส.จิมารินทร์ บุตรสาวกลับเข้าไปในรถเก๋งอีกครั้ง ตนจึงโทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชะเมา นำกำลังมายังที่เกิดเหตุและสามารถช่วยเหลือ น.ส.จิมารินทร์ ตัวประกันได้อย่างปลอดภัยและจับกุมตัวนายดุสิต ไว้ได้ดังกล่าว”
ทางด้าน พ.ต.อ.สุวัฒน์ แตงคูหา ผกก.สภ.ชะเมา กล่าวว่านายดุสิต ยังให้อยู่ในการเมามายอย่างหนัก ซึ่งไม่แน่ใจว่าเมาเหล้าหรือยาเสพติดชนิดใด โดยให้การวกวนและยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไร เพียงแต่มาตามภรรยากลับ จ.ภูเก็ตเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวเข้าห้องขังเพื่อให้สร่างเมาและสงบสติอารมณ์ ก่อนจะนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหากระทำการอันเป็นการข่มขืนใจผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธมีดและมีพฤติกรรมทารุณกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย.
ไพฑูรย์ อินทศิลา/กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
8 มี.ค. 2558