เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 5 มี.ค. ที่กองร้อย อส.อำเภอท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช นายรังสรรค์ รัตนสิงห์ นายอำเภอท่าศาลา พร้อมด้วยนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร ปลัดอาวุโสอำเภอท่าศาลา นายสันติสุข กิจบาลจ่าย ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.ท่าศาลา พ.ต.อ.สำเริง ชูกะนันท์ ผกก.สภ.ท่าศาลา พ.ต.ท.โสกศล ท่าสอน รอง ผกก.สส. สภ.ท่าศาลา ร.อ.วิเชียร สุขสวัสดิ์ หัวหน้า ชป.ยก.บก.ควบคุม มทบ. 41 กำลังชุด ชป.ปส.ร้อย ตชด.424 สิชล และเจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 8 ได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณีนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร ปลัดอาวุโส อ.ท่าศาลา สนธิกำลังร่วมระหว่าง อส.ฝ่ายปกครอง ทหาร มทบ.41 กองทัพภาคที่ 4 ตำรวจ สภ.ท่าศาลา ตชด.ร้อย 424 สิชล และ เจ้าหน้าที่ ปปส.ภาค 8 ได้จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญจำนวน 5 ราย ประกอบด้วยนายสุรัตน์ ส่งศรี อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/1 หมู่ 4 ต.ไทยบุรี อ.ท่าศาลา นายจตุรงค์ ส่งศรี อายุ 40 ปี ทนายความชื่อดัง นายสรศักดิ์ ส่งศรี อายุ 36 ปี หรือฉายา “สักลาย” นายอนุชา ส่งศรี อายุ 35 ปี ซึ่งทั้งหมดเป็นพ่อลูกกันและอยู่บ้านเดียวกัน และผู้ต้องหาอีกคนชื่อนายชาญวุฒิ พิทักษ์ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/4 หมู่ 3 ต.นาเคียน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
โดยยึดกลางยาบ้าจำนวน 10,010 เม็ด เงินสดเกือบ 1 แสนบาท อุปกรณ์การเสพ 1 ชุด อาวุธปืนลูกซองยาวจำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 4 นัด อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.พร้อมกระสุน 13 นัด เสื้อเกราะ1ตัวและยึดทรัพย์รถยนต์เก๋งฮอนด้าซีวิคสีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กธ-4663 นครศรีธรรมราช 1 คัน สร้อยคอทองคำหนัก 1บาท 1 เส้นและยึดกล้องวงจรปิดจำนวน 4 ตัว
นายรังสรรค์ รัตนสิงห์ นายอำเภอท่าศาลา เปิดเผยว่า จากการสืบทราบและจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพคิดในพื้นที่ อ.ท่าศาลาหลายสิบรายให้การว่าซื้อยาเสพติดมาจากคนในตระกูล “ส่งศรี” โดยเฉพาะนายสรศักดิ์ ส่งศรี อายุ 36 ปี หรือฉายา “สักลาย” จึงสั่งการให้นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร ปลัดอาวุโสอำเภอท่าศาลา ทำการสืบสวนหาข้อมูลจนทราบแน่ชัดว่าครอบครัวของนายสรศักดิ์ หรือ “สักลาย” ทั้งนายสุรัตน์ ส่งศรี บิดา และพี่ ๆ น้องพัวกันเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดเกือบทุกคน โดยอาศัยรวมกันอยู่ในบ้านหลังใหญ่ ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวของเจ่าหน้าที่ทั้ง 4 ด้าน และหากถูกจับกุมนายจตุรงค์ ส่งศรี อายุ 40 ปี ทนายความชื่อดังบุตรชายของนายสุรัตน์ ส่งศรี และเป็นพี่ชายของนายสรศักดิ์ หรือ “สักลาย” ซึ่งหากสมาชิกในเครือข่ายค้ายาถูกจับกุมนายจตุรงค์ จะรับเป็นทนายความว่าความสู้คดีให้
เจ้าหน้าที่จึงพยายามสำรวจตรวจสอบและเก็บข้อมูลบ้านของตระกูล “ส่งศรี” เพื่อหาทางจับกุม พบว่าเป็นเลขที่ 88/1 หมู่ 4 ต.ไทยบุรี อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช โดยเป็นคฤหาสน์หรู จำนวน 5 หลังvp^jในรั้วกำแพงเดียวกัน โดยมีการก่อสร้างมีกำแพงล้อมรอบอย่างดีในเนื้อที่บริเวณบ้านประมาณ 1 ไร่เศษ และมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้รอบบ้านทั้ง 4 ทิศทาง ที่ผ่านมาจึงไม่มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองชุดไหนสามารถเข้าไปจับกุมหรือตรวจค้นได้โดยสะดวก
“ตนจึงสั่งการนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร ปลัดอาวุโสอำเภอท่าศาลา เป็นหัวหน้าชุดบุกทะลายจับกุมคนในตระกูล “ส่งศรี”ให้จนได้ โดยมีการสนธิกำลังทั้ง อส.ฝ่ายปกครอง ทหาร มทบ. 41 ทภ.4 ตำรวจ สภ.ท่าศาลา และ ตชด.424 สิชล เจ้าหน้าที่ ปปส. ภาค 8 รวมกำลังกว่า 30 นาย พร้อมอาวุธปืนครบมือเข้าบุกจู่โจมเข้าปิดล้อมบ้านคฤหาสน์หรู 4 หลังดังกล่าว จากการตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 10,010 เม็ด อาวุธปืนหลฃายกระบอกพร้อมของกลางอื่นอีกจำนวนมาก จึงจับกุมนายสุรัตน์ ส่งศรี อายุ 63 ปี พร้อมลูกชายซึ่งแก๊งค้ายาเสพติดอีก 2 คน และนายชาญวุฒิ พิทักษ์ อายุ 19 ปี ซึ่งเข้ามาซื้อและเสพยาเสพติด
ในขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่ง เข้าตรวจค้นคฤหาสน์หรูอีกหลังหนึ่ง เลขที่ 88/3 อยู่ในบริเวณรั้วกำแพงเดียวกัน และทำการจับกุมนายจตุรงค์ ส่งศรี อายุ 40 ปี ทนายความชื่อดัง ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของนายสุรัตน์ จากนั้นควบคุมตัวผู้ต้องหารวม 5 คนพร้อมของกลางทั้งหมดมาสอบสวนที่ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามยาเสพติด อ.ท่าศาลา
จากการสอบสวนในเบื้องต้นผู้ต้องหา 4 คนให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่ในส่วนของนายจตุรงค์ ทนายความคนดัง ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า แม้จะอยู่ในรั้วกำแพงบ้านเดียวกัน แต่อยู่บ้านคนละหลังกัน แต่ตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการค้ายาเสพติดของบิดาและน้องชายแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานแน่นหาที่จะเอาผิดผู้ต้องหาทั้งหมดได้ จึงคุมตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลนำไปสู่การใช้ พ.ร.บ.ฟอกเงินเพื่อยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดของตระกูล “ส่งศรี” ซึ่งคาดว่ามีมูลค่าทรัพย์สินนับ 100 ล้านบาทต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับรถยนต์ รถ จยย.ของเครือข่ายค้ายาเสพติด “สักลาย” จะติดสติกเกอร์สัญลักษณ์อาวุธปืนสั้น 2 กระบอกหันเข้าหากัน ตรงกลางมีข้อความว่า “เหล็กรู” กระจกด้านหลังติดสติกเกอร์ข้อความ “อยากเห็นคนไทยบินได้” ตามด้วยสติกเกอร์รูปกระต่าย 2 นั่งหันหลังให้กันและตรงกลางมีตัวอักษรภาษาอังกฤษ N.D. บางคันอาจจะติดสติกเกอร์ข้อความอื่น ๆ เช่น “เลว..บางเวลา”รวมทั้งบางคันยังนำสติกเกอร์ “ทรงพระเจริญ” มาติดที่กระจกหลังเพื่อเบี่ยงแบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
5 มี.ค. 2558