เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 15 ม.ค. 2558 ที่สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช หมู่บ้านเมืองทอง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายธีระชัย สุทิน อายุ 45 ปี และนางอรอนงค์ สุทิน อายุ 44 ปีสองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 56/5 หมู่ 5 ต.ไทยบุรี อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางเข้าเรียนขอความเป็นธรรมกับสื่อมวล กรณีถูกบริษัทประกันชีวิตชื่อดังไม่ยอมจ่ายเงินชดเชยค่าสินไหมจากการรักษาพยาบาล โดยมีการทำป้ายไวนิลขนาดใหญ่ระบุข้อความการทำประกัน ฯและการจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลของบริษัทประกัน ฯ 3 บริษัท มาขึงหน้าสมาคมสื่อมวลชนจนเป็นที่สนใจของผปู้คนที่ผ่านไปมา
นายธีระชัย สุทิน กล่าวว่า ตนเองได้ซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิต เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2555 พร้อมกันในวันเดียวจาก 3 บริษัทใหญ่ ประกอบด้วยบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด จำนวน 2 กรมธรรม์ ทุนประกัน 6 แสนบาท บริษัทเอไอเอ 1 กรมธรรม์ จำนวนทุนประกัน 1 ล้านบาท และบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 1 กรมธรรม์ ทุนประกัน 5 แสนบาท โดยเฉพาะกรมธรรม์ของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตนั้น ผู้มาเสนอขายคือนางอรชา ศรีวิสุทธิ์ ตำแหน่งผู้จัดการภาค ซึ่งได้นำนางเกวลี เปราะทองคำ ตัวแทนใหม่มาหาตนให้ช่วยซื้อกรมธรรม์ประกันเนื่องจากเป็นตัวแทนใหม่คนบ้านเดียวกัน และยังขายกรมธรรม์ไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ตนซื้อไว้แล้ว 2 บริษัท แต่ด้วยความสงสารอยากให้ความช่วยเหลือจึงตัดสินใจซื้อไว้ 1 กรมธรรม์ดังกล่าว
ต่อมาวันที่ 26 เม.ย.2557 ตนเกิดมีอาการผิดปกติทางร่างกายจึงไปรับการตรวจสุขภาพที่ โรงพยาบาลนครินทร์ จ.นครศรีธรรมราช แพทย์ตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ ซึ่งแพทย์ได้แนะนำให้เข้ารับการักษาในโรงพยาบาลที่มีความพร้อมทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือแพทย์ จึงเดินทางไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลรามคำแหง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1พ.ค.2557 แพทย์รักษาด้วยการฉีดสีเข้าในร่างกาย พบว่าเส้นเลือดหัวในตีบตัน 3 เส้น อยู่ในขั้นอันตราย ต่อมาตนได้ให้แพทย์ทำบอลลูนหัวใจซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงถึง 8 แสนบาท
นายธีระชัย สุทิน กล่าวอีกว่าตนจึงได้ดำเนินการติดต่อตัวแทนบริษัทประกันชีวิต ทั้ง 3 บริษัท เพื่อขอเงินชดเชยค่าสินไหมตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ปรากฏว่าบริษัทไทยประกันชีวิตจ่ายเงินให้ทันทีจำนวน 6 แสนบาท บริษัท เอไอเอ จ่ายให้เช่นกัน 1 ล้านบาท แต่บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ไม่ยอมจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียวให้เหตุผลว่าโรคที่เป็นไม่เข้าข่ายโรคร้ายแรง และเป็นที่น่าสังเกตว่าการซื้อกรมธรรม์ของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตตัวแทนบริษัท เป็นฝ่ายมาขอร้อง ขอความช่วยเหลือให้ตนช่วยซื้อกรมธรรม์ ซึ่งยังต้องจ่ายเงินประกันค่อนข้างแพงถึงปีละ 22,335 บาท และไม่เคยมาดูแลสอบถามในช่วงที่ตนป่วย สุดท้ายก็มาปฏิเสธการจ่ายเงินชดเชยพร้อมทั้งได้รับการท้าทายจากตัวแทนให้ตนไปฟ้องร้องเอาเอง
“ตนจึงขอฝากถามไปยังผู้บริหารระดับสูงของบริษัทและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมดูแลบริษัทประกันชีวิต ว่าทั้ง 3 บริษัทเป็นบริษัทที่ขายประกันชีวิตให้แก่ผู้บริโภค แต่ทำไมการคุ้มครองผู้บริโภคจึงไม่เหมือนกัน และไม่ตรงกับที่โฆษณาไว้ทางสื่อต่าง ๆ เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนทำประกันกับแต่ละบริษัท และขอฝากไปยังผู้บริโภคที่ต้องการซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ ให้ตรวจสอบดูรายละเอียด สิทธิที่ควรได้รับให้ชัดเจนเสียก่อน ในขณะที่หน่วยงานหรือองค์กรผู้รับผิดชอบต้องตรวจสอบควบคุมดูแลให้อยู่ในบรรทัดฐานเดียวกัน เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ ในขณะนี้แม้ตนไม่คาดหวังว่าบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตจะยอมจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากการรักษาโรคร้ายให้กับตน ก็จะขอต่อสู้เพื่อให้เป็นตัวอย่าง อย่างน้อยเป็นการสื่อสารให้ผู้บริโภคช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นกับประชาชนผู้เอาประกันซึ่งลูกค้ารายอื่น ๆอีก” นายธีระชัยกล่าวในที่สุด.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
15 ม.ค. 2558