
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 13 ม.ค. 2558 นายพีรศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นายราชิต สุดพุ่ม ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เดินทางไปยัง สภ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเยี่ยมชาวโรฮิงยา จำนวนเกือบ 100 คนที่ถูกตำรวจ สภ.หัวไทร จับกุมนายผดุงศักดิ์ บุญพินิจ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/4 หมู่ 1 ต.กรูด อ.พุนพิน จ.สุราษฏร์ธานี และนายสุทธิพงศ์ ช่วยพัฒน์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 2 ต.ป่าหมาก อ.ไชยา จ.สุราษฏร์ธานี ที่ขับรถยนต์ขนชาวโรฮิงยาจาก จ.ระนอง ไปส่งใน จ.สงขลา เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ในขณะที่คนไทยที่ขับรถอีก 3 คนหลบหนีไปได้ ตำรวจยึดรถยนต์ 5 คน พร้อมผู้ต้องหาทั้งคนไทยและชาวโรฮิงยา จำนวน 98 คน มาสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งชาวโรฮิงยาที่อัดแน่นมาในรถขาดอากาศหายใจ 1 คน นอกจากนี้อีกหลายสิบคนอาการร่อแร่ต้องรีบนำส่ง รพ.หัวไทร ให้แพทย์ช่วยเหลือ โดยการเดินทางไปเยี่ยมชาวโรฮิงยาของนายพีระศักดิ์ มีนายพงษ์ศักดิ์ คารวานนท์ นายอำเภอหัวไทร พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ ซึ่งนายพีระศักดิ์ ได้นำขนมไปแจกเด็ก ๆลูกหลานชาวโรฮิงยาด้วย

สำหรับชาวโรฮิงยาที่ถูกจับกุม 98 คน เสียชีวิตในวันแรก 1 คน ต่อมาเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 คน รวมผู้เสียชีวิตเป็น 3 คนเป็นผู้ชาย 2 คน หญิง 1 คน และรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีก 5 คนในจำนวนนี้อาการหนัก 1 คน อีก 4 คนคาดว่าแพทย์จะอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ในวันพรุ่งนี้ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและ ตม.ได้เข้ามาถ่ายรูปทำประวัติอย่างละเอียดเป็นรายบุคคล ในขณะที่ทาง รพ.หัวไทร ได้เดินทางมาทำการตรวจร่างกายของชาวโรฮิงยาทุกคนเพราะเกรงจะติดเชื้อโรคร้ายเข้ามาแพร่กระจายในเมืองไทย โดยการตรวจร่างกายในเบื้องต้นไม่พบเชื้อโรคร้ายแรง ทางโรงพยาบาลฉีดยาป้องกันโรคเท้าช้าง โรคมาลาเรียให้กับชาวโรฮิงยาทุกคน นอกจากนี้ยังหาช่างมาตัดผมให้เด็ก ๆ อีกด้วย
นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า กล่าวว่า ตนมาเยี่ยมชาวโรฮิงยาที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ในฐานะที่เป็นมนุษย์ร่วมโลก โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือดูแลชาวโรฮิงยาทั้งหมดให้ดีเหมือนเป็นคนไทยคนหนึ่งไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งทราบว่ามีชาวบ้านนำมาบริจาคช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เพราะอย่างน้อยเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน หากเจ้าหน้าที่มีอะไรขาดตกบกพร่องหรือต้องการให้ทางจังหวัดสนับสนุนช่วยเหลือก็ให้แจ้งประสานโดยตรงกับผู้ว่าราชการจังหวัดได้ตลอดเวลา
“ส่วนในการดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายก็ต้องว่ากันไป หลังจากตรวจโรคและทำประวัติอย่างละเอียดทุกคนแล้วจะให้ทาง ตม.รับไปดำเนินการต่อไป สำหรับผู้เสียชีวิต 3 รายทางพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ได้ช่วยนำศพไปดำเนินการตามประเพณีพร้อมฝังศพผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายเรียบร้อยแล้ว”ผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามปกติขบวนการการขนชาวโรฮิงจะใช้เส้นทางฝั่งอันดามันเป็นหลัก แต่ในระยะเจ้าหน้าที่ได้กวดขันการตรวจสอบจับกุมอย่างต่อเนื่อง ขบวนการขนชาวโรฮิงยาจึงเปลี่ยนมาใช้เส้นทางฝั่งอ่าวไทย ผ่านจังหวัดนครศรีธรรมราช และก่อนหน้านี้มีการขนชาวโรฮิงยาผ่านเส้นทาง อ.หัวไทร มาหลายครั้งแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่บางหน่วยงานรู้เห็น และมีการเคลียร์เรียกรับผลประโยชน์กันจนประชาชนทราบเรื่องนำไปวิพากวิจารณ์หกันอย่างกว้างขวาง จนกระทั้งมีการจับกุมครั้งใหญ่ได้ผู้ต้องหาทั้งชาวไทยและโรฮิงยา 100 คนดังกล่าว.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
13 ม.ค. 2558