เมื่อเวลา 04.30 น.วันที่ 11 ม.ค. 2558 พ.ต.อ.นพดล เพ็ชรขาวเขียว ผกก.สภ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ได้รับรายงานว่า จะมีการลักลอบขนชาวโรฮิงยาจาก จ.ระนอง ไปยัง จ.สงขลา ผ่านพื้นที่ อ.หัวไทร จึงสั่งการให้ ร.ต.ท สมพร ทองจีน รอง สวป.นำกำลังไปตั้งจุดตรวจบนถนนสาย 408 นครศรีธรรมราช - หัวไทร ท้องที่หมู่ที่ 2 ต.ทรายขาว อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช จนกระทั้งพบรถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 5 คันประกอบด้วย 1.รถยนต์กระบะ 4 ประตูยี่ห้ออิซูซุ สีขาว ทะเบียน กฉ-6807 นครศรีธรรมราช 2. รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กง-8602 ราชบุรี 3.รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อฟอร์ด สีแดง ทะเบียน 1กช-4914 กรุงเทพมหานคร 4. รถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน กน-1024 สุราษฏร์ธานี และรถยนต์กระบะยี่ห้อ อิซูซุ ตอนเดียว ทะเบียนป้ายแดง ส-5579 ภูเก็ต โดยในรถแต่ละคันมีคนนั่งอัดกันมาในรถและในกระบะจนแน่น วิ่งตามหลังกันมาติด ๆ
เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถเพื่อทำการตรวจค้น แต่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัย 2 คันข้างหน้า ทำให้คนขับรถยนต์ 3 คันหลังทิ้งรถวิ่งหลบหนีไปได้ โดยเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวคนขับรถ 2 คันห้าเอาไว้ได้ ทราบชื่อนายผดุงศักดิ์ บุญพินิจ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/4 หมู่ 1 ต.กรูด อ.พุนพิน จ.สุราษฏร์ธานี และนายสุทธิพงศ์ ช่วยพัฒน์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 2 ต.ป่าหมาก อ.ไชยา จ.สุราษฏร์ธานี
และจากการตรวจสอบในรถยนต์ทั้ง 5 คันพบชาวโรฮิงยารวม 98 คน แยกเป็นชาย 30 คน ผู้หญิง 26 คน เด็กอายุไม่ถึง 15 ปีทั้งชายและหญิงอีก 42 คน ซึ่งแต่ละคนอยู่ในอาการอ่อนเพลียอย่างหนัก และในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 คนเป็นผู้ชายเนื่องจากอัดแน่นมาในรถทำให้ขาดอากาศหายใจ นอกจากนี้ยังพบว่าชาวโรฮิงยาอีก 5-6 คนมีอาหารหน้าซีด หายใจติดขัด จึงนำส่ง รพ.หัวไทร ให้แพทย์เยียวยาช่วยเหลือจนอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายผดุงศักดิ์ และนายสุทธิพงศ์ คนขับรถพร้อมชาวโรฮิงยาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.หัวไทร ดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยในส่วนของนายผดุงศักดิ์ และนายสุทธิพงศ์ ให้การรับสารภาพว่าได้ได้รับการว่าจ้างจากนายทุนใหญ่ใน จ.ระนองให้ขนแรงงานต่างด้าวชาวโรฮิงยา สัญชาติพม่า จาก จ.ระนอง ไปยัง จ.สงขลา โดยจะมีคนไทยที่ร่วมในขบวนการมารอรับชาวโรฮิงยาอีกทอดหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหานำหรือพาบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต อุปการะหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ และเข้ามาอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตดำเนินคดีกับนายผดุงศักดิ์ และนายสุทธิพงศ์ ต่อไป ส่วนผู้ต้องหาชาวโรฮิงยาทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย โดยผู้ต้องหาชาวโรฮิงยาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมกันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองนครศรีธรรมราช และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นของมนุษย์เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถนำผู้ต้องหาทั้งหมดเข้าควบคุมในห้องขังบนโรงพักได้ จึงต้องใช้พื้นที่โรงจอดรถเป็นสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาชาวโรฮิงยาทั้งหมด โดยมีการนำเชือกมาขึงกั้นบริเวณโรงรถเอาไว้ พร้อมจัดกำลังตำรวจจำนวนหนึ่งคอยควบคุมอย่างใกล้ชิดเพื่อให้อยู่ในพื้นที่ที่กำหนด แต่เนื่องจากผู้ต้องหามีจำนวนมากจึงเกิดปัญหาเรื่องอาหาร ห้องน้ำห้องส้วมที่มีไม่เพียงพอ ในขณะที่ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่ทราบข่าวแห่เดินทางมาดูชาวโรฮิงยาเมื่อเห็นสภาพของชาวโรฮิงยาโดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ส่วนใหญ่มีอาการอ่อนเพลียและหิวโหยอย่างหนัก ชาวบ้านเกิดความเอ็นดูสงสารจึงไปหาซื้อเหนียวไก่ทอด อาหารอื่น ๆ รวมทั้งขนมมาให้ชาวโรฮิงยาได้กินประทังความหิวโหยในระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่จาก ตม.นครศรีธรรมราช มารับตัวทั้งหมดไปควบคุมดูแลตามขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ชาวบ้านยังนำเสื้อผ้ามาบริจาคให้กับชาวโรฮิงยาอีกด้วย.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
11 ม.ค. 2558