ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า โครงการช่วยเหลือประชาชนเพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ คืนความสุขให้ประชาชนจังหวัดนครศรีธรรมราช จะสำเร็จไม่ได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากนายกสมาคมโรงสีข้าวและกลุ่มชาวนาภาคใต้ รวมทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด ที่ทำการปกครองจังหวัด อำเภอทุกอำเภอและ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ซึ่งการปล่อยขบวนรถในวันนี้มีการบรรทุกข้าวสารรอบแรกจำนวน 79 ตัน โดยรถบรรทุกขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปยังยังที่ว่าการอำเภอนาบาน และอำเภอทุ่งสง จากนั้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่จะบรรทุกไปจำหน่ายให้ประชาชนในแต่ละท้องถิ่นต่อไป โดยไม่คิดค่าขนส่ง ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบ ข้าวสารที่นำไปจำหน่ายให้แก่ประชาชน เป็นข้าวหอมปทุม ที่ปลูกในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง บรรจุถุง ๆ ละ 5 กิโลกรัม จำหน่ายถุงละ 100 บาท จากราคาท้องตลาด 150 บาท แต่ละครัวเรือนสามารถซื้อได้ไม่เกิน 4 ถุง หรือ 20 กิโลกรัม สามารถลดค่าใช้จ่ายค่าข้าวสารได้ถึงละ 50 บาทต่อถุง หรือ 200 บาทต่อข้าวสาร 4 ถุง โดยตั้งเป้าสามารถจำหน่ายข้าวสารได้ 1,000 ตัน หรือ 1 ล้านกิโลกรัม สามารถลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชนได้ 10 ล้านบาท
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สำหรับอำเภออื่น ๆ ที่เหลือจะมีการทยอยบรรทุกข้าวสารไปส่งให้ต่อไป โดยตั้งเป้าหมายต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนเทศกาลปีใหม่ 2558 เพื่อลดค่าใช้จ่ายในช่วงที่ราคายางพาราและพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เป็นการคืนความสุขและเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนชาวนครศรีธรรมราช อีกทั้งเป็นการตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป็นจังหวัดแรกของประเทศที่จัดโครงการนี้ขึ้นมา นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนได้บริโภคข้าวสารที่ปลูกในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังได้อีกทางหนึ่งด้วย
ด้านนายสุทธิพร กาฬสุวรรณ นายกสมาคมโรงสีข้าวและกลุ่มชาวนาภาคใต้ กล่าวว่า ทางสมาคมฯยินดีให้การสนับสนุนนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างเต็มที่ หากสามารถจำหน่ายข้าวสารครบจำนวน 1,000 ตัน แล้ว หากจังหวัดมีความต้องการเพิ่มอีก ทางสมาคมฯ พร้อมที่จำนำข้าวสารหอมปทุมจากโรงสีข้าวของสมาชิกสมาคมฯ มาจำหน่ายให้ในราคาต้นทุนได้มากถึงหมื่นตัน.
สำนักงานประชาสัมพันธ์นครศรีธรรมราช
15 / 12 / 2557