เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 5 ธันวาคม 2557 ร.ต.ท.พิเชษฐ์ เรียบร้อย ร้อยเวร สภ.เมือง นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีเหตุวัยรุ่นมั่วสุมกันเสพยาเสพติด คลุ้มคลั่งจับตัวพ่อไว้เป็นประกันพร้อมรุมทำร้ายพ่อของตนเอง โดยลูกชายและกลุ่มวัยรุ่นมีปืนเป็นอาวุธด้วย เหตุเกิดในบ้าน 108/3 หมู่ 2 ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.พนม บุญช้าง สวป.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ อส.ตร. และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิประชาร่วมใจ รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงยังที่เกิดเหตุพบว่าประตูบ้านปิดและได้ยินเสียงคนทะเลาะกันส่งเสียงดัง โดยมีชาวบ้านในละแวกดังกล่าวมายืนมุงดูกันเป็นจำนวนมาก ก่อนจะมีเสียงปืนดังออกมาจากภายในบ้าน 1 นัด เจ้าหน้าที่และชาวบ้านจ้องวิ่งหลบเข้าที่กำบังเพื่อความปลอดภัย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าวเอาไว้ โดยจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าภายในบ้านได้มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 4- 5คน และกำลังรุมทำร้ายชายวัยกลางคนคนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตะโกนให้คนที่อยู่ในบ้านหยุดการทำร้ายชายคนดังกล่าวและให้เปิดประตูออกมามอบตัว
จนกระทั้งมีชายชราคนหนึ่งทราบชื่อในภายหลังคือนายจวน เพชรปรางค์ อายุ 80 ปี วิ่งออกมาจากทางด้านหลังของบ้านท่าทางตื่นตกใจและมีพิรุธ จึงควบคุมตัวไว้สอบสวน โดยชายคนดังกล่าวแจ้งว่าเป็นพ่อของเจ้าของบ้านที่กำลังถูกทำร้ายอยู่ในบ้านและวิ่งมาเพื่อต้องการจะมาช่วยลูกชายที่ถูกลูกชายและเพื่อน ๆ จับเป็นตัวประกันและรุมทำร้ายอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้เจรจาเกลี้ยกล่อมคนในบ้านให้ยอมเปิดประตูออกมามอบตัว จนเวลาผ่านไปกว่า 30 นาที วัยรุ่นผู้หญิงคนหนึ่งจึงยอมเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน พร้อมควบคุมตัววัยรุ่นที่อยู่ในบ้านทั้งหมด 5 คน เป็นหญิง 2 ชาย 3 ซึ่งทั้งหมดเป็นเยาวชน อายุไม่ถึง 18 ปี และทุกคนมีอาการมึนเมาคล้ายคนเสพสารเสพติด นอกจากนี้ภายในบ้านยังพบนายเฉลิมชัย เพชรกลาง อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านและเป็นพ่อของวัยรุ่น 1 ใน 5 ถูกทำร้ายจนหน้าและร่างกายตาบวมปูดหลายแห่ง ในขณะที่ภรรยาของนายเฉลิม เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงกับเป็นลมล้มพับ เจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมต้องได้ช่วยเหลือปฐมพยาบาลทั้งนายเฉลิมและภรรยา จนอาการปลอดภัย
เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นภายในบ้านพบ กระเป๋าสะพายสีดำ 1 ใบวางอยู่ ภายในกระเป๋าพบอาวุธปืนขนาด .22 ชนิดปากกาจำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนลูกซอง 3 นัด ใบพืชกระท่อม 2 มัดใหญ่ ยาแก้ไอ 1 ขวด อุปกรณ์การเสพยาบ้า ยาไอซ์ 1 ชุด และน้ำพืชต้มพืชกระท่อมบรรจุขวดพลาสติกขนาด 1.5 ลิตร เหลืออยู่ครึ่งขวด และจากการตรวจค้นในร่างกายพบอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์อีก 1 กระบอก กระสน 1 นัด เหน็บอยู่ที่เอววัยรุ่นผู้หญิงรายหนึ่ง จึงควบคุมตัวทั้งหมดไปทำการสอบสวนที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช
จากการสอบสวนสวนปากคำนายเฉลิมชัย เพชรกลาง ซึ่งเป็นบิดาของ นายโจ้ (นามสมมุติ) 1 ใน 3วัยรุ่นผู้ชาย ให้การว่า ตนและภรรยาเป็นอาจารย์สอนอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่ จ.นราธิวาส ก่อนเกิดเหตุ ได้เดินกลับมาบ้านพักหลังดังกล่าวเพื่อมาหาลูกชายในวันพ่อแห่งชาติ แต่เมื่อมาถึงบ้านพบว่าปิดบ้านสนิท จึงตะโกนเรียกลูกชาย แต่ไม่มีตอบและเปิดประตู จึงเดินหลังบ้านสอบถามนายจวน เพชรปราง ซึ่งเป็นพ่อของตนที่มีบ้านอยู่ใกล้ ๆ จนได้รับทราบจากนายจวน บิดา ว่านายโจ้ บุตรชายของตน มั่วสุมเสพยาเสพติดอยู่ในบ้านกับเพื่อน ๆ หลายคน ทำให้ตนเสียใจเป็นอย่างมากพยายามจะเคาะประตูหลังบ้านเรียกให้นายโจ้ บุตรชายเปิดประตู แต่ไม่สำเร็จตนจึงตัดสินใจงัดประตูเข้าไปภายในบ้านพร้อมด้วยนายจวน บิดา
“สิ่งที่ตนพบเห็นคือนายโจ้ บุตรชายและเพื่อนๆ ชายหญิงรวม 5 คน กำลังนอนกันอยู่ภายในห้องโถงกลางบ้าน ทุกคนมีอาการเหมือนคนเมายา งัวเงีย ไม่ได้สติ ตนจึงเข้าไปดึงนายโจ้ บุตรชายออกจากกลุ่มวัยรุ่นและขับไล่วัยรุ่นทั้งหมดออกจากบ้าน แต่ลูกชายตนพร้อมเพื่อน ๆ ไม่ยอมตรงเข้ามารุมทำร้ายตนจนสะบักสะบอม ในขณะนั้นส่วนนายจวน พ่อของตนและเป็นปู่ของนายโจ้ เห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งออกจากบ้าน กลับไปเอาปืนพกขนาด .357 ซึ่งเป็นปืนของลูกชายอีกคนเข้ามาจ่อข่มขู่นายโจ้และวัยรุ่นให้ทุกคนหยุดทำร้ายตน แต่ไม่สำเร็จนายโจ้และวัยรุ่นทั้งหมดยังไม่ยอมเชื่อฟังรุมทำร้ายตนจนล้มลุกคลุกคลาน นายจวน พ่อของตนเกรงว่าตนจะได้รับอันตรายไปมากกว่านี้ จึงตัดสินยิงปืนข่มขู่ขึ้นฟ้า 1 นัด และวิ่งหนีออกจากบ้านในขณะที่นายโจ้ จับนายเฉลิม ไว้เป็นตัวประกันในบ้าน และเป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงที่เกิดพอดี”
ทางด้านนายจวน เพชรปรางค์ พ่อเฒ่าวัยชราอายุ 80 ปี ให้การด้วยน้ำตานองใบหน้าว่า ตนทนกับพฤติกรรมของนายโจ้ หลานชายที่พาเพื่อน ๆ มามั่วสุมยาเสพติด มั่วสุมทางเพศภายในบ้านมานานแล้ว จนกระทั้งนายเฉลิมชัย บุตรชายตนซึ่งเป็นพ่อบังเกิดเกล่าแท้ ๆ ของนายโจ้ กลับมาบ้านพบพฤติกรรมของนายโจ้ และเพื่อน ๆ แทนที่นายโจ้และเพื่อนจะหวาดกลัวหรือเกรงอกเกรงใจกลับรุมทำร้ายนายเฉลิม ผู้เป็นพ่ออย่างโหดร้ายทารุณ ตนทนไม่ไหวจึงวิ่งกลับไปเอาปืนที่บ้านมายิงขึ้นฟ้า 1 นัด เพื่อข่มขู่ให้นายโจ้ และเพื่อนหยุดทำร้ายนายเฉลิม โดยตนไม่ได้ตั้งใจที่จะยิงใครให้บาดเจ็บล้มตายแต่เยิงขู่ให้ยุติพฤติกรรมทำร้ายนายเฉลิม เนื่องจากตนรักและเป็นห่วงลูก ที่สำคัญไม่อยากเห็นหลานและเพื่อนรุมทำร้ายพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง นายจวน กล่าวอย่างน่าสงสาร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวนายโจ้ และเพื่อนไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดพบว่าทุกคนมีปัสสาวะสีม่วงเพราะมีสารเสพติดในกระแสเลือด จึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
5 ธ.ค. 2557