(15 พ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 20.00น. คืนที่ผ่านมา(14 พ.ย.)ได้เกิดเหตุต้นจันทน์ขนาด 5-6 คนโอบ อายุเกือบ 100 ปี สูงประมาณ 30 เมตร ซึ่งปลูกอยู่ริมถนนราชดำเนิน ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ภายในสำนักงานเทศบาลนครนครศรีธรรมราช เกิดหักโค่นล้มชนิดถอนรากถอนโคนลงไปกองกระจายอยู่กับพื้น ซึ่งนับว่าโชคดีที่ช่วงเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน จึงไม่มีใครได้รับอันตราย ซึ่งหากเป็นช่วงกลางวันที่บริเวณดังกล่าวมีคนพลุกพล่านอาจจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็เป็นได้ นอกจากนี้กิ่งก้านสาขาของต้นจันทน์ยักษ์อาจจะสร้างความหายแก่ทรัพย์สินโดยเฉพาะรถยนต์ รถ จยย.ของเจ้าหน้าที่และของประชาชนที่มักจะจอดอยู่ในบริเวณดังกล่าวจำนวนมาก โดยหลังเกิดเหตุทำให้ประชาชนที่ผ่านไปมาต่างพากันวิภาควิจารณ์ กันไปต่าง ๆ นา ๆว่าเป็นลางร้ายหรือเกิดอาเพศ อาถรรพ์หรือลางร้ายอะไรสักอย่างที่จะเกิดในเทศบาลนครนครศรีธรรมราช หรือจังหวัดนครศรีธรรมราชรวมั้งประเทศไทยก็ได้
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ต้องระดมกำลังนำเครื่องเลื่อยยนต์ และมีดพร้ามาช่วยกันเลื้อยและตัดฟันขนย้ายกิ่งก้านและต้นจันทน์ยักษ์ออกจากจุดดังกล่าวอย่างทุลักทุแล ซึ่งต้องใช้นานเวลากว่า 3 ชม.จึงสามารถเคลียร์พื้นที่ในจุดดังกล่าวเรียบร้อย
สำหรับเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช แรกเริ่มเดิมทีได้มีการจัดตั้งสุขาภิบาลนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2456 หรือ 101 ปีมาแล้ว โดยมีพื้นที่ 3 ตารางกิโลเมตร ต่อมาได้ยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2478 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2478 ซึ่งมีพื้นที่รวมในขณะนั้น 3.2 ตารางกิโลเมตร ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตเทศบาล 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ปี พ.ศ. 2508 และครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2536 ต่อมาได้มีการยกฐานะเป็นเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลนครนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2537 เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2537 นับเป็นการยกฐานะเป็นเทศบาลนคร เป็นแห่งแรกของภาคใต้ และจัดเป็นเมืองขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศไทย ในปัจจุบันเทศบาลนครนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ 22.56 ตารางกิโลเมตร มีความหนาแน่นของประชากร 4,647.21 คน/ตารางกิโลเมตรมีประชากรประมาณ 106,777 คน
ในช่วงแรกที่มีได้จัดตั้งตามพระราชกฤษฎีการจัดตั้งเทศบาลใช้สถานที่บริเวณห้องแถว หน้าศาลากลางจังหวัดเป็นสถานที่ทำการ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2482 ได้ย้ายมาอยู่ ณ อาคารเรือนไม้ทรงมานิลาชั้นเดียว (สถานที่ทำงานปัจจุบัน) ซึ่งทางจังหวัดได้ยกให้ มีลักษณะอาคารเก่า มีสภาพทรุดโทรม และหลังคามุงจาก โดยคนเฒ่าคนแก่ยืนยันว่าในขณะนั้นต้นจันทน์ต้นนี้ปลูกอยู่ก่อนแล้ว จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2505 ได้เกิดวาตภัยขึ้นอย่างรุนแรง อาคารบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจำนวนมาก สำนักงานเทศบาลซึ่งมีสภาพเก่าชำรุดอยู่แล้วก็ได้รับความเสียหายมากเช่นกัน แต่เป็นสิ่งน่าอัศจรรย์เมื่อต้นจันทน์ต้นดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากมหาวาตภัยแต่อย่างใด และในครั้งนั้นคณะเทศมนตรีจึงดำเนินการขออนุมัติกู้เงิน กสท. มาดำเนินการสร้างใหม่ เป็นอาคารตึกสอง ชั้นทรงไทยตามแบบเทศบาลขนาดใหญ่ ของกรมโยธาธิการ ซึ่งเป็นแบบมาตรฐานของเทศบาลทั่วไป และได้ทำพิธีเปิดใช้สำนักงานนี้ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2507 รวมค่าก่อสร้างเป็นเงิน 1,725,000 บาท และใช้งานมาจนถึงปัจจุบันนี้
ทั้งนี้ก่อนหน้าที่ คสช.จะยึดอำนาจการปกครองประเทศ ทางผู้บริหารเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ได้สั่งเจ้าหน้าที่โค่นต้นยางยักษ์ อายุกว่า 100 ปี ซึ่งเป็นต้นไม้ต้นใหญ่ที่สุดในเขตเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช และนับเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนครศรีธรรมราชอย่างหนึ่ง ปลูกอยู่บริเวณริมถนนพัฒนาการทุ่งปรัง หลังบ้านเด็กชายศรีธรรมราช ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ท่ามกลางการวิพากวิจารณ์ของข้าราชการ พ่อค้าและประชาชนอย่างกว้างขวาง โดยคนเฒ่าคนแก่เชื่อว่าเป็นลางร้ายหรืออาเพศจนถูก คสช.ยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา
“ตามประวัติต้นยางต้นดังกล่าวไม่ว่าจะเปลี่ยนผู้บริหารเทศบาล หรือแม้แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดมาหลาย 10 คนก็ไม่มีใครกล้าตัดโค่น แม้แต่ในสมัยนายสันต์ เอกมหาชัย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชในระหว่างปี 2503-2512 ได้สั่งตัดโค่นต้นประดู่ หรือ “ต้นโด”และไม้ใหญ่ในตัวเมืองนครศรีธรรมราชเกือบทั้งหมดหลายร้อยต้น แต่นายสันต์ ก็ไม่กล้าสั่งให้ตัดโค่นต้นยางยักษ์ต้นดังกล่าว จนต่อมาชาวบ้านมีการนำผ้า 3 สีและตั้งศาลเพียงตาขึ้นใต้โคนต้นยาง กลายเป็นของสิ่งศักดิ์เก่าแก่ เป็นที่เคารพนบถือและกราบไหว้บูชาของประชาชนทั่วไปมายาวนานหลายสิบปีไปโดยปริยาย จนกระทั้งผู้บริหารชุดปัจจุบันสั่งโค่นในช่วงต้นปี 2556 โดยมีชาวบ้านยืนยันว่าหลังถูกตัดโค่นล้มมีการตัดลำต้นของต้นยางยักษ์ออกเป็น 4 ท่อน ๆ ละ 5 เมตร ใช้บรรทุกรถของเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช นำท่อนซุงไม้ยางยักษ์ต้นดังกล่าวไปขายให้กับพ่อค้าไม้รายหนึ่งที่บ้านนาป่า ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราชในราคาหลายแสนบาท และที่ผ่านมาประชาชาต่างเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอบสวนเอาผิดกับผู้บริหารเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช แต่เรื่องก็เงียบหายมาจนถึงบัดนี้”.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
15 พ.ย. 2557