(12 พ.ย.) ที่ศาลาประชาคมที่ว่าการอำเภอฉวาง จ.นครศรีธรรมราช นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เดินทางไปประชุมมอบแนวทางการปฏิบัติราชการแก่หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงาน ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าสถานีตำรวจ ผู้บริหารท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้านและผู้นำชุมชน ในอำเภอต่าง ๆ เป็นอำเภอที่ 6 ในจำนวน 23 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายทินกร มุสิกวัตร นายอำเภอฉวาง นายประยงค์ รณรงค์ ปราชญ์ชาวบ้าน เจ้าของรางวัลแม็กไซไซ สาขาพัฒนาชุมชน ปี 2557 และคณะรวมกว่า600 คนให้การต้อนรับ
นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวเน้นย้ำในที่ประชุมโดยขอให้ทุกหน่วยงานได้ปฏิบัติตามเพื่อสนองนโยบายของ คสช.และนโยบายรัฐบาล ได้แก่ การช่วยกันปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การสร้างความปรองดองสมาฉันท์ ต้องช่วยกันพูดสร้างความเข้าใจกับประชาชน ต้องไม่มีสีเสื้อ ที่ผ่านมาต้องให้อภัยกันขอให้แล้วกันไป มาเริ่มต้นกันใหม่ อย่างตนก็ถูกกล่าวหาอย่างสมัยที่เป็นผู้ว่าฯบุรีรัมย์เป็นสีน้ำเงิน พอย้ายเป็นผู้ว่าฯปทุมธานีก็ถูกกล่าวหาว่าสีเหลือง แต่พอย้ายเป็นผู้ว่าฯชุมพรก็ถูกกล่าวหาเป็นสีแดง ก่อนย้ายมาเป็นผู้ว่านครศรีธรรมราชก็มีการขึ้นป้ายต่อต้านว่าชาวนครฯไม่ต้องการผู้ว่าฯเสื้อแดง ขอยืนยันว่า ตนเป็นสีกากี เพราะได้รับราชการมากว่า 35 ปีแล้วเหลืออีก 2 ปีก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว
“ปัญหาปากท้องความเป็นอยู่ของประชาชน มีความจำเป็นต้องแก้ไขปัญหา อย่างรัฐบาลได้ช่วยเหลือชาวสวนยางไร่ละ 1,000 บาท ครอบครัวละไม่เกิน 15,000 บาท เช่นเดียวกับการช่วยเหลือชาวนา ขณะนี้ราคายางพาราตกต่ำ ทำอย่างไรต้องลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ให้ประชาชน เช่น อาจจะจัดหาข้าวสารราคาถูกจากผู้ผลิตมาขายให้ประชาชนโดยตรง ส่งเสริมให้ประชาชนเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่บ้านละ 10 ตัว ไว้กินเอง หรืออาจจะขายก็ได้ ส่งเสริมการปลูกพืชอื่น ๆ เพื่อให้มีอาชีพเสริม เป็นต้น ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของท้องถิ่นที่สามารถตั้งงบประมาณทั้งงบกลาง งบอุดหนุนได้ นอกจากนี้ขอให้ช่วยการลดการบริโภควัตถุนิยม เช่น เด็กและเยาวชนบางคนมีโทรศัพท์ถึง 3 เครื่อง ซึ่งถือว่าไม่คุ้มค่า ครูต้องช่วยกันปลูกฝังนักเรียนให้ลดการบริโภคนิยมลง ให้นักเรียนปฏิบัติตามค่านิยม 12 ประการด้วย”
นอกจากนี้ยังขอให้ช่วยกันเอาใจใส่ดูแลช่วยเหลือ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ผู้ป่วยด้วย เพื่อดูแลด้านการสวัสดิการสังคม สร้างความเข้มแข็งให้เกิดในหมู่บ้าน อย่าให้ปรากฎเป็นข่าวก่อนแล้วจึงเข้าไปช่วยเหลือ ทุกหมู่บ้านมี อบต. สท. ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อสม. อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ต้องลงไปสำรวจค้นหาผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส เพื่อให้การช่วยเหลือดูแลเยียวยา การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ก่อนเป็นอันดับแรก
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ยังกล่าวอีกว่าขอให้ข้าราชการทำงานด้วยจิตสำนึก อย่ารอแต่ทำงานตามหนังสือสั่งการเพียงอย่างเดียว ส่วนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ตนขอฝากนายอำเภอ ผู้กำกับการตำรวจให้ช่วยกันดูแลแก้ปัญหาปัญหาเงินกู้นอกระบบ หรือ “ขบวนการพวกหมวกกันน็อค –ขบวนการไอ้โม่งดำ” ที่ปล่อยเงินกู้โดยเรียกเก็บดอกเบี้ยสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดหลายเท่า ทำให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อถูกตามทวงหนี้ ข่มขู่คุกคาม จนหลายรายตัดสินใจฆ่าตัวตายหนีหนี้นอกระบบ เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันดูแลอย่าให้เข้ามาสร้างปัญหาในหมู่บ้าน/ชุมชน รวมทั้งปัญหาเด็กและเยาวชน ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อมของสังคม โดยปัญหาล่าสุดที่ปรากฎข่าวเด็กหญิงแค่ระดับมัธยมที่ยอมเสนอขายตัวกับพ่อค้าร้านขายโทรศัพท์ เพื่อแลกกับซื้อโทรศัพท์ หรืออย่างข่าวพ่อยิงลูกชายพิการทางสมองที่เลี้ยงมา 21 ปี แล้วยิงตัวเองตามล้วนแต่เป็นปัญหาสังคมที่ต้องช่วยกันคิดช่วยกันแก้ไขที่
สำหรับปัญหายาเสพติด ขอให้จัดลำดับความสำคัญในการปราบปรามยาเสพติดที่ส่งผลกระทบต่อสังคมรุนแรง โดยเฉพาะยาบ้า ไอซ์ ต้องมีความเด็ดขาด เพราะเป็นนโยบายสำคัญระดับชาติของรัฐบาล ส่วนยาเสพติดประเภทอื่น ๆ เช่น พืชกระท่อม กัญชา ก็ต้องดูแลควบคุมจับกุมไปตามกฎหมาย แต่ขอให้เน้นกวดขันปราบปรามจับกุมยาบ้า ยาไอซ์ เดินหน้า 100 % โดยขอให้ไปเอ็กซเรย์บุคลากรในหน่วยงาน คนในครอบครัว และในหมู่บ้าน/ชุมชนว่าใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง ถ้ามีก็ขอให้แก้ไข ทุกหน่วยงานทุกคนในสังคมต้องช่วยกันอย่าโยนกันไปมา การดำเนินการทั้งหมดจะสำเร็จไม่ได้ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากข้าราชการทุกส่วนทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น ดังนั้นขอให้ทุกคนช่วยกันทำงานเพื่อบ้านเมืองอย่ารอทำงานเมื่อมีหนังสือสั่งการของทางราชการเพียงอย่างเดียว ขอให้ทำด้วยจิตสำนึกเพื่อบ้านเมือง นายพีระศักดิ์ กล่าว.
ไพฑูรย์ อินทศิลา/กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
12 พ.ย. 2557