(5 พ.ย.) นายสมชาย มั่นอนันตทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง จ.สงขลา พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 จ. สงขลา และสัตวแพทย์จากสถาบันวิจัยชีววิทยาจังหวัดภูเก็ตให้การดูแลรักษาวาฬเพชฌฆาตดำ ขนาด 3.5 เมตร น้ำหนักประมาณ 150 กิโลกรัม ซึ่งป่วยว่ายน้ำเข้ามาเกยตื้น ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยจ้าหน้าที่ได้ตั้งทีมช่วยเหลือในทะเลบริเวณประตูระบายน้ำบ้านหน้าโกฏ หมู่ที่ 10 ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีประชาชนในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงให้ความสนใจไปมุงดูและให้กำลังใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตลอดทั้งวัน
นายสมชาย มั่นอนันตทรัพย์ ได้สอบถามข้อมูลการรักษาวาฬจากทีมสัตวแพทย์ที่เยียวยารักษาวาฬ ใช้เวลากว่า 30 นาที จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจเยี่ยมดูอาการปลาวาฬอย่างใกล้ชิด โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เต้นท์ห่อตัววาฬนำขึ้นมาตรวจรักษาบนฝั่ง ก่อนจะช่วยกันอ้าปากวาฬก่อนจะสอดเครื่องมือทางการแพทย์เข้าไปในท้องวาฬเพื่อตรวจเอกซเรย์ภายในอย่างละเอียด แม้การดำเนินการตรวจรักษาพยาบาลจะยากลำบากแต่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้ใช้ความพยามจนสามารถนำขึ้นมาบนฝั่ง และพบว่ายังมีตรวจพบพยาธิหลายชนิดในทางเดินหายใจและเสมหะปนเลือดออกมาด้วย อาการทั่วไปของปลาวาฬเพชฌฆาตดำยังทรงอยู่ ทางทีมสัตวแพทย์ให้กินอาหารเหลวพร้อมยาปฏิชีวนะฆ่าพยาธิ
“หากเปรียบเทียบอาการของวาฬเพฌชฆาตดำตัวดังกล่าวในวันที่พบจนถึงขณะนี้แม้อาการจะยังทรง ๆ อยู่แต่ก็มีโอกาสรอดสูงขึ้นจากเดิมมีโอกาสรอดเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ในขณะนี้เจ้าหน้าที่ให้อาหารเหลวเช้าและเย็นในปริมาณที่สูงขึ้น จากเดิมทีวันละ 1 ลิตร เพิ่มเป็นวันละ 2 ลิตร แต่วาฬยังอยู่ในภาวะขาดน้ำ ส่วนค่าของเลือดนั้นดีขึ้นเรื่อย ๆ หายใจถี่แต่อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติเนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย แพทย์ได้เฝ้าตรวจเป็นระยะอย่างใกล้ชิด โอกาสรอด 50-50
นายสมชาย มั่นอนันตทรัพย์ สิ่งที่น่าเป็นห่วงในเวลานี้ พบพยาธิหลายชนิดในทางเดินอาหารทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ โดยเฉพาะพยาธิใบไม้กังวลว่าจะเข้าอุดตันในทางเดินอาหารทำให้อาหารไม่ย่อย ซึ่งทางแก้ในเวลานี้ให้อาหารเหลวของเด็กเพื่อให้ย่อยได้ง่ายมากขึ้น ที่สำคัญในเวลานี้เริ่มเกิดอาการแผลกดทับ เนื่องจากจะต้องมีการประคอง จึงต้องดูแลแผลบริเวณนี้ไว้ด้วย โดยรวมแล้วอาการยังทรง 50/50 แต่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนพยาธิที่อยู่ในตัวปลานั้น คงต้องรักษาควบคู่กันไป แต่ต้องให้ปลาแข็งแรงมากกว่า ซึ่งตามหลักชีววิทยาแล้วหากร่างกายภายในเกิดความอ่อนแอพยาธิก็ย่อมที่จะมีความแข็งแรงมากขึ้นพร้อมเข้าทำลายอวัยวะเราได้ทันที ดังนั้นจึงต้องเร่งให้การช่วยเหลือและพยาบาลปลาวาฬจนกว่าจะแข็งแรง
นายสันติ นิลวัตร นักวิชาการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง กล่าวว่า ปกติปลาวาฬเพชฌฆาตดำ จะอยู่ในทะเลลึกแต่ที่มาเกยตื้นชายฝั่งทะเลนั้น เกิดจากอาการป่วย ซึ่งจากการเอาเลือดไปตรวจพบว่ามีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจและระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากมีเสมหะปนเลือดออกมาด้วย และยังตรวจพบพยาธิในทางเดินหายใจอีก ขณะนี้ทางทีมสัตวแพทย์ให้ฉีดยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแล้ว ซึ่งต้องรอดูอาการว่าจะตอบสนองได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนการให้อาหารจะให้อาหารเหลวทางสายยาง โดยสอดเข้าทางปากแต่ก็ดำเนินการได้ค่อนข้างลำบากเนื่องจากวาฬไม่ยอมอ้าปาก เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันง้างปากปลาให้เปิดอ้าขึ้น แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังเนื่องจากฟันปลาค่อนข้างแข็งแรงและแหลมคม
“ขณะนี้ปลาไม่สามารถว่ายน้ำพยุงตัวเองได้ เนื่องจากไม่มีแรงทางทีมงานจึงช่วยกันประคองให้ปลาพยายามว่ายน้ำเป็นระยะ ส่วนในเวลากลางคืนจะใช้เชือกผูกเหมือนกับเปลเพื่อประคองตัววาฬให้ลอยอยู่ใน น้ำ โดยเจ้าหน้าที่ผลัดเวรหมุนเปลี่ยนกันสังเกตอาการตลอดทั้งคืน แม้ว่าโอกาสรอดชีวิตจะมีเพียง 20 % ก็ตาม
นายสันติ นิลวัตร กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ได้มาตั้งเต้นท์คอยดูแลตลอด 24 ชม. ทุกคนจะคอยสับเปลี่ยนหมุนเวียนคอยดูแลวาฬเคราะห์ร้ายตัวนี้อย่างใกล้ชิด โดยใช้เจ้าหน้าที่อยู่ 20 คนกลางเต้นท์นอนกันที่บริเวณประตูระบายน้ำบ้านหน้าโกฏ แต่ก็ประสบปัญหาเนื่องจากอยู่ในช่วงมรสุมมีพายุฝนพัดถล่มหนัก บางครั้งทั้งลมทั้งฝนพัดเต้นท์ปลิวว่อน และหากมีฝนตกหนัก โดยเฉพาะกลางคืนก็จะนอนไม่ได้ และมีปัญหาเรื่องห้องสุขาไม่มี โดยเฉพาะทีมสัตวแพทย์หญิงลำบากมาก จึงอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดช่วยสนับสนุนในเรื่องดังกล่าวด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้นำป้ายไวบอร์ดเขียนข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลวาฬเพฌชฆาตดำตัวดังกล่าวอย่างละเอียด มาปักติดไว้ด้านหน้าเต้น เพื่อให้ประชาชนจำนวนมากที่มาชมการรักษาพยาบาลและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ได้รับรู้ความคืบหน้าการรักษาวาฬ โดยเฉพาะคำเตือน “ระวังโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำไม่ควรเข้าใกล้ และกรุณางดใช้เสียงวาฬป่วยอยู่” ซึ่งได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านเป็นอย่างดี.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
5 พ.ย. 2557