(29 ต.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช พ.อ.อ.ศุภโชค พราหมพูน หัวหน้าชุด ฉก.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกระทรวงมหาดไทย จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้านายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อรายงานการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง หลังจากที่นายพีระศักดิ์ ได้การร้องเรียนจากชาวบ้านผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมว่าการลักอบเปิดบ่อนการพนันขนาดใหญ่ภายในวัดหงส์สุรินทร์สังฆาวาส (ควนหนองหงษ์ ) หมู่ที่ 3 ต.ควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช จึงสั่งการให้ พ.อ.อ.ศุภโชค พราหมพูน นำกำลัง ชุด ฉก.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกระทรวงมหาดไทย จ.นครศรีธรรมราช นายปนิก บุญมาเลิศ ปลัดอำเภอช่วยราชการกลุ่มงานความมั่นคง ที่ทำการปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราช สนธิกำลังร่วมกับ ร.ต.ต.สุรศักดิ์ สุวรรณสาม รอง ผบ.ร้อย ตชด.424 สิชล กำลัง ตชด. กำลังทหารชุด รส. มทบ.41 เจ้าหน้าที่ส่วนประสานงานระบบเฝ้าตรวจสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 4 (สฝต.ศปก.ทภ.4) นำโดย พ.ท.กรกิต ศรีทองกุล ผบ.สฝต.ศปก.ทภ.4 และ ร.อ.เทวินทร์ แวดาโอะ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ชะอวด นำโดยนายภักดี เขาไข่แก้ว ปลัดอำเภอชะอวด เข้าตรวจสอบจับกุมการลักลอบเล่นการพนันภายในวัดหงส์สุรินทร์สังฆาวาส (ควนหนองหงษ์ ) เมื่อค่ำวานนี้ (28 ต.ค.)
โดยในครั้งแรกเจ้าหน้าที่ ฯชุดดังกล่าวเพิ่งเสร็จสิ้นจากภารกิจบุกตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนถูกบุกรุกคืน 53 ไร่ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง และ อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช ช่วงขากลับต้องใช้เส้นทางผ่านวัดควนหนองหงษ์พอดี จึงแค่ต้องการตรวจสอบเก็บข้อมูลตามคำสั่งของผู้ว่า ฯเ เพื่อวางแผนเข้าจับกุมในวันต่อไปท่านั้น แต่เมื่อขับรถไปบริเวณหน้าวัดพบว่ามีรถยนต์และรถจักรยานยนต์จอดอยู่ในบริเวณวัดจำนวนมาก โดยสังเกตเห็นคนเข้าออกพลุกพล่านในศาลาหอฉันท์หลังใหญ่กลางวัดอย่างคึกคักคล้ายกับว่าภายในวัดกำลังจัดงานทอดกฐินหรือจัดกิจกรรมงานบุญ เจ้าหน้าที่จึงขับรถเข้าไปตรวจสอบทำให้คนที่รับหน้าที่ดูต้นทางรีบตะโกนลั่นว่าตำรวจมาให้รีบหนีโดยเร็ว ทำให้คนที่อยู่ภายในศาลาหอฉันท์ประมาณ 200 คนพากันวิ่งแตกฮือเหมือนผึ้งแตกรังออกมาจากศาลาหอฉันท์
เจ้าหน้าที่รีบกระโดดลงจากรถยนต์กระจายกำลังออกวิ่งไล่ติดตามชุลมุนวุ่นวายไปทั้งวัด ส่วนใหญ่สามารถกระโดดกำแพงวัดวิ่งหลบหนีไปในป่าสวนยางหลังวัด ในขณะที่เซียนพนันหลายคนวิ่งหลบหนีเข้าไปซ่อนตัวในกุฎิพระและห้องเก็บของภายในวัดและล็อคประตูเงียบ เจ้าหน้าที่ตะโกนเรียกให้เปิดแต่ไม่ยอมเปิด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงตัดสินใจพังประตูเข้าไปจับกุมนักพนันเอาไว้ได้จำนวน 11 คนเป็นผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 10 คน
และจากการเข้าตรวจสอบภายในศาลาหอฉันท์ พบรองร่อยการตั้งวงเล่นการพนันทั้งที่ตั้งวงบนพื้นและนั่งบนม้านั่งหินอ่อน เสือกระจูด โคมไฟส่องสว่าง เก้าอี้พลาสติก บ่งบอกถึงการเปิดบ่อนเล่นการพนันในศาลาหอฉันท์ดังกล่าวมานานแล้ว เจ้าหน้าที่ยึดอุปกรณ์การเล่นการพนันประกอบด้วยลูกเต๋าไฮโล 7 ลูก อุปกรณ์การเล่นไฮโล 1 ชุด ไพ่ป๊อกสำหรับเล่นการพนัน 10 สำรับ ชิพไม้ 3 อันเงินสด 1,550 บาท และยังพบกระเป๋าถือสำหรับใส่อุปกรณ์การเล่นการพนัน 1 ใบ ภายในกระเป๋าพบอาวุธปืนปลอมขนาด 9 มม. 1 กระบอก ปากกา 2 ด้าม แปลงสีฟัน 1 อันและยาสีฟัน 1 หลอด และยังพบรถยนต์ 70 คัน รถจักรยานยนต์ 80 คัน ที่นักพนันทิ้งเอาไว้ภายในบริเวณวัด จึงทำการตรวจยึดไว้ทั้งหมดเพื่อสืบสวนหาเจ้าของมาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป หลังจากนั้นจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมอุปกรณ์การเล่นพนันมาลงบันทึกการจับกุมบนที่ว่าการอำเภอชะอวด
ในเบื้องต้นผู้ต้องหา 11 คน ให้การรับสารภาพว่าร่วมเล่นการพนันไพ่แคง 7 คน ประกอบด้วย นางสนิท จินอักษร อายุ 70 ปี นางหนูรอบ รจนา อายุ 60 ปี น.ส.มายุเรศ อินอักษร อายุ 37 ปี นางลออ พุ่มทอง อายุ 46 ปี นายสุพิน พุ่มทอง อายุ 51 ปี นางวริศรา ภักดีชนะ อายุ 37 ปี และนางพรสินี มีชนะ อายุ 46 ปี ส่วนผู้ต้องหาเล่นการพนันไฮโล 4 คน ประกอบด้วย น.ส.เรณุ จุลเกลี้ยง 49 ปี นางดวงเดือน ศรีสุวรรณ อายุ 41 ปี น.ส.ปวรวรรณ ทองรักจันทร์ อายุ 25 ปี และเยาวรัตน์ คงจันทร์ อายุ 24 ปี โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 6 ชม.ในการตรวจสอบบันทึกรายละเอียดของกลางทั้งหมด จนกระทั้งในเวลา 23.30 น.คืนเดียวกันจึงเสร็จสิ้น และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบสวนปากคำผู้ต้องหาทราบว่าบ่อนดังกล่าวอ้างว่าเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ “นายดาบ”นายหนึ่งสังกัด สภ.ชะอวด ได้ร่วมกับพระผู้ใหญ่ระดับเจ้าเจ้าอาวาสรูปหนึ่งใน อ.ชะอวด เปิดบ่อนขึ้นภายในศาลาโรงธรรมของวัดควนหนองหงษ์ และจัดมีการเล่นการพนันหลายประเภททั้งไพ่ป๊อกผสมสิบ ไพ่เก้าเก ไพ่แคง ดัมมี่ ไฮโล โปปั่น รวมเกือบ 10 วง ซึ่งนอกเหนือจากการเก็บค่าต๋งตามธรรมเนียมแล้ว เจ้ามือหลายสิบคนจะต้องมาหยิบสลากหาลำดับการเป็นเจ้ามือรอบละ 2 ชม. และต้องจ่ายค่าสถานที่ ค่าบริการและค่าไฟชั่วโมง 500 บาท/วง โดยเปิดให้เล่นการพนันกลางวัดมานานนับเดือนแล้ว ในแต่ละวันจะมีเซียนพนันทั้งผู้หญิงและผู้ชายประมาณ 200-300 คนมามั่วสุมเล่นการพนันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดโดยไม่ต้องเกรงกลัวจะถูกจับกุม เนื่องจากนายดาบตำรวจและพระภิกษุระดับเจ้าอาวาสอ้างว่าได้เคลียร์เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครองรวมทั้งฝ่ายทหารทุกระดับเรียบร้อยแล้ว ทำให้บ่อนการพนันกลางวัดเป็นที่รู้จักและล่ำลือในวงการพนันว่า “บ่อนสมภาร” ซึ่งเซียนพนันต่างมั่นใจในความปลอดภัยแห่ทะลักมาเล่นการพนันกันอย่างคึกคัก โดยมีการเล่นได้เสียกันวันละหลายแสนบาท ในขณะที่ทางวัดจะมีรายได้ประมาณ 8,000-10,000 บาท/วัน ซึ่งชาวบ้านอ้างว่าบางวันมีพระภิกษุเข้ามาร่วมวงเล่นการพนันด้วย จนชาวบ้านสุดทนกับพฤติกรรมร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดผ่านทางศูนย์ดำรงธรรม จนผู้ว่า ฯสั่งการให้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบจับกุมดังกล่าว
สำหรับเจ้าอาวาสวัดหงส์สุรินทร์สังฆาวาส ในเบื้องต้นได้ให้คนใกล้ชิดไปพบกับเจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการเปิดบ่อนการพนันกลางวัดแต่อย่างใด ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่มีนักพนันเข้าไปรวมตัวเล่นการพนันในศาลาหอฉันท์หลายร้อยคน นำรถยนต์ รถจักรยานยนต์เข้าไปจอดอยู่ในวัดมากถึง 150 คัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าอาวาสไม่ทราบเรื่องแม้แต่น้อย ในขณะเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมเจ้าอาวาสก็อยู่ในกุฏิโดยปิดประตูอย่างแน่นหนา แต่แอบดูความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่อยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามในชั้นนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ดำเนินการใด ๆ กับเจ้าอาวาสในฐานะเจ้าของสถานที่ที่จัดให้มีการเล่นการพนัน โดยต้องรอการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม หากมีพยานหลักฐานเพียงพอก็จะแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสตามกฎหมายต่อไป
“ในส่วนรถยนต์และรถจักรยานยนต์รวม 150 คัน เจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกตรวจยึด ระบุรายละเอียด ยี่ห้อ สี ทะเบียนอย่างละเอียดพร้อมถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานทุกคัน และหากให้เจ้าของรถมาแสดงตัวเป็นเจ้าของและขอรับรถคืนเจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมายอีกเช่นกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมกำลังลงบันทึกการจับกุมอยู่บนที่ว่าการอำเภอชะอวด ได้มีนายตำรวจระดับบิ๊กของ สภ.ชะอวด โทรศัพท์มาขอเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม แต่ พ.อ.อ.ศุภโชค พราหมพูน หัวหน้าชุดจับกุมยืนยันว่าได้รายงานเหตุการณ์ให้นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชทราบหมดแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอลงชื่อเป็นผู้ร่วมจับกุมด้วย แต่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไม่ยินยอมให้ร่วมลงชื่อจับกุมด้วย เพราะนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งกำชับให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาไม่มีการละเว้น และหากพยานหลักฐานสาวโยงไปถึงใครว่ามีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือแม้แต่พระภิกษุ ก็ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดต่อไป.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์/นครศรีธรรมราช
29 ต.ค. 2557