(27ต.ค.57) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่หายอำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราชหลาวันติดต่อกัน ทำให้หลายพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลกลาก และดินโคลถล่มได้ ในขณะแม่น้ำลำคลองหลายสายระดับน้ำเพิ่มขึ้นจนไหลล่าล้นตลิ่งเอ่อท่วมถนนในหมู่บ้านพื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ต่ำหรือที่ลุ่ม ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนไม่น้อย
เดี่ยวกับเรื่องนี้นายเจษฏา วัฒนานุรักษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลังจากหลายพื้นที่ของจังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม โดยในขณะนี้นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช เฝ้าระวังภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังอุทกภัยและดินถล่ม ที่ห้องศรีปราชญ์ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
“ส่วนการเตรียมพร้อมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเรามีความพร้อมเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเรามีประสบการณ์จากเหตุอุทกภัยในปีพ.ศ. 2554 มาแล้ว และหากพบว่าพื้นที่ใดมีปริมาณฝนตกลงมามากผิดปกติ ทางศูนย์เฉพาะกิจจะระดมกำลังเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์พร้อมรายงานและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ และหากสถานการณ์เลวร้าย ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงจะได้ขนย้ายสิ่งของ สัตว์เลี้ยงและอพยพไปอยู่ยังที่ปลอดภัย เพื่อลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน นอกจากนี้เรายังได้จัดส่งเรือและอุปกรณ์ชูชีพไปยังพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้ระดมเรือกู้ภัยจำนวน 50 ลำ และยังได้รับการสนบสนุนจากศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เขต 18 จังหวัดภูเก็ตและเรือกู้ภัยจากจังหวัดฝั่งอันดามันอีกจำนวน 30 ลำ รวมเป็น 80 ลำ ซึ่งพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยอย่างเต็มที่
นายเจษฏา วัฒนานุรักษ์ กล่าวอีกว่า อยากฝากพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสียงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม เช่น อำเภอนพตำ อำเภอท่าศาลา และอำเภอสิชล ซึ่งเกิดเหตุบ่อยครั้ง ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ให้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนอำเภอเมืองหากพบว่าปริมาณน้ำที่แหล่งต้นน้ำเทือกเขาหลวงมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นผิดปกติ ประชาชนที่อาศัยในเขตอำเภอเมือง จะได้รับการแจ้งเตือนภัยเพื่อเร่งอพยพขนสิ่งของและสัตว์เลี้ยงขึ้นที่ปลอดภัยได้ทันท่วงที ทั้งนี้ระยะเวลาน้ำไหลจากเทือกเขาหลวงเข้าในเขตอำเภอเมืองใช้เวลาประมาณ 15 – 16 ชั่วโมง
“ นอกจากนี้อยากฝากพี่น้องประชาชนที่มีบ้านพักอาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามพยากรณ์อากาศและการประกาศเตือนภัยจากทางราชการอย่างใกล้ชิดและหมั่นสังเกตความผิดปกติทางธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น สภาพการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ปริมาณฝนและลมกรรโชก”.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
27 ต.ค.2557