(7 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อหัวค่ำวันที่ 6 ต.ค.2557 ที่ผ่านมานายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มอหมายให้นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางไปเป็นประธานในพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปหน้าตัก 50 นิ้วขึ้นประดิษฐานบนแท่นศาลาปฏิบัติธรรมที่พักสงฆ์สระนางหงส์ บริเวณริมถนนในหมู่บ้านวังวัว ริมถนนทางเลียบรางรถไฟ หมู่ 6 ต.นาพรุ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่วัดสระนางหงส์ วัดร้างในอดีต ซึ่งพุทธศาสนิกชน ได้ร่วมใจกันบูรณะฟื้นฟูก่อสร้างวัดสระนางหงส์ขึ้นมาใหม่ โดยประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างอาคารที่พักสงฆ์สระนางหงส์เมื่อวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยมีนายสกุล ดำรงเกียรติกุล นายอำเภอพระพรหม พร้อมด้วยนายสุคนธ์ กวมทรัพย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.นาพรุ อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนจำนวนกว่า 300 คนมาต้อนรับและร่วมในพิธีท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการฟื้นฟูวัดสระนางหงส์ ขึ้นในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากในพื้นที่หมู่ 6 ต.นาพรุ เป็นชุมชนขนาดใหญ่ยังไม่มีวัดหรือสำนักสงฆ์พุทธศาสนิกชนจะได้ไปร่วมตัวกันประกอบศาสนาต่าง ๆ ตามแนวทางของพุทธศาสนา ทางคณะกรรมการหมู่บ้านจึงมีแนวคิดที่จะสร้างวัดหรือสำนักสงฆ์ขึ้นในพื้นที่ และจากการสืบค้นทางประวัติศาสตร์พบว่าในพื้นที่บ้านวังวัว ใกล้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล มีตำนานความเป็นมาที่คนเฒ่าคนแก่เล่าสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ว่าในจุดดังกล่าวเคยเป็นวัดมาก่อนชื่อ “วัดนางหงส์” อายุเก่าแก่ตั้งแต่การสร้างพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช หรือเกือบ 1,000 ปีมาแล้ว แต่ในปัจจุบันกลายเป็นวัดร้างพื้นที่เดิมของวัดจำนวนกว่า 10 ไร่ ในปัจจุบันมีการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน มีผู้ครอบครองเป็นเจ้าของไปหมดแล้ว เหลือพื้นที่วัดอยู่เพียง 70 ตารางวาเท่านั้น ชาวบ้านจึงได้ร่วมกันบูรณะฟื้นฟูที่พักสงฆ์สระนางหงส์
"โดยมีนายสุคนธ์ กวมทรัพย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.นาพรุ เป็นประธานคณะกรรมการ เพื่อบูรณะฟื้นฟูวัดนางหงส์ขึ้นมาใหม่ ซึ่งในระยะแรกจะดำเนินการสร้างเป็นที่พักสงฆ์นางหงส์ขึ้นในพื้นที่จำนวน 1 หลัง พร้อมห้องน้ำห้องส้วมอีก 1 หลัง โดยมีเป้าหมายจะหาทุนจัดซื้อที่ดินในละแวกข้างเคียงกลับคืนมาและยกระดับจากที่พักสงฆ์เป็นสำนักสงฆ์และวัดนางหงส์ในโอกาสต่อไป”
หลังจากวางศิลาฤกษ์และเริ่มก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรมสระนางหงส์ขึ้นได้มีผู้ใจบุญและมีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาคเงินค้าใช้จ่ายในการก่อสร้างเป็นเงินกว่า 2 แสนบาท โดยมีนางสภาพร กำลังเกื้อ นักธุรกิจด้านประกันภัยพร้อมพวกบริจาคเงินกว่า 100,000 บาทจัดซื้อพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 50 นิ้วจากโรงหล่อพระในกรุงเทพมหานคร มาถวายเป็นพระประธาน และนำมาประดิษฐานในศาลาปฏิบัติธรรมสระนางหงส์ในวันนี้ดังกล่าว
โดยในการประกอบพิธีประดิษฐานพระประธานในครั้งนี้ได้มีการนิมนต์พระเกจิอาจารย์ชื่อดังในภาคใต้จำนวน 9 รูปมาสวดพระพุทธมนต์สมโภชองค์พระประธาน พร้อมเกจิอาจารย์นั่งปรกอีก 3 รูป ซึ่งมีการสวดพระพุทธมนต์เฉลิมฉลองสมโภช สวดธัมมจักกัปปวัตนสูตร และในขณะที่พระสงฆ์ 9 รูปสวดเจริญชัยมงคลคาถาในบทธัมมจักรในบทหนึ่งที่ว่า "จักขุง อุทปาทิ ญาณัง อุทปาทิ ปัญญา อุทปาทิ วิชชา อุทปาทิ อาโลโก" ซึ่งหมายถึง "เพื่อให้เกิดดวงตาเห็นธรรม ปัญญาเกิด วิชาเกิด ความรู้เกิด และความสว่างไหวเกิด" หรือที่เรียกว่า "เกิดปัญญาหยั่งรู้ในสิ่งที่ควรรู้" พร้อมสวดพระคาถาที่ว่า "สหัสสะเนตโต เทวินโท ทิพพะจักขุง วิโสทายิ" ซึ่งเป็นขั้นตอนการประกอบพิธีเบิกเนตรพระพุทธรูป หมายถึง "เทวินโท” เป็นจอมแห่งเทวดาผู้มีพระเนตรมีนัยตา 100 ดวง หรือมองเห็นไปไกลได้เป็นพันโยชน์ ชำระตาให้เกิดเป็นตาทิพย์ ให้หมดจดสว่างไสว" รวมทั้งการสวดบทกำแพงแก้ว 7 ชั้นเพื่อขับไล่และขจัดเสนียดจัญไรด้วย
ซึ่งการสวดพระพุทธมนต์ทั้งหมด พระสงฆ์ 3 ใน 9 รูปอายุระหว่าง 45-55 ปีได้สร้างความฮือฮาให้กับผู้ร่วมในพิธีเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เนื่องจากบทสวดใช้ท่วงทำนองเร็วมาก รวมทั้งการเปล่งเสียงจะมีการกระแทกเสียงสูงต่ำ เสียงดังเน้นคำเป็นระยะคล้าย ๆ เพลงแร็พหรือเพลงร็อค พระสงฆ์ผู้สวดจึงต้องมีความเชี่ยวชาญในบทสวดเป็นพิเศษ ที่สำคัญจะต้องมีสมาธิในการสวดให้สอดคล้องแสดรับกันเป็นอย่างดี ซึ่งพระสงฆ์ 3 ใน 9 รูปสวดผ่านไมโครโฟนรูปละอัน และด้วยท่วงท่า ลีลา ทำนองและน้ำเสียง ที่เร้าใจ ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ฟังชัดเจนจนสร้างความสนใจให้กับผู้ร่วมในพิธีเป็นอย่างมาก แม้ฝนจะตกโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกคนที่อยู่ในพิธีทั้งที่นั่งบนเก้าอี้และที่ยืนฟังพร้อมดูการสวดพระคาถาอย่างตั้งใจและสนุกสนานเร้าใจเป็นอย่างมาก
“ส่วนใหญ่ต่างชื่นชมที่พระว่าสวดมนต์เน้นหนักแน่นดีในช่วงหวะที่ขับไล่สิ่งไม่ดีต่างๆ ออกไป ฟังแล้วสบายใจ โดยไม่เคยพบเคยเห็นการสวดชัยเจริญมงคลคาถาในลักษณะนี้มาก่อน เป็นการสวดด้วยลีลา ท่าทาง ท่วงทำนองและน้ำเสียง คล้าย ๆ เพลงแร็พหรือเพลงร็อค เชื่อว่าการสวดในลักษณะนี้จะทำให้เด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไปให้ความสนใจติดตาม ซึ่งจะสามารถดึงดูดให้คนเข้าวัดฟังธรรมได้มากขึ้นอย่างแน่นอน”.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
7 ต.ค. 2557