จากกรณีที่ได้เกิดคราบสนิมบริเวณฐานบัวคว่ำบัวหงายพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช ไหลย้อยลงมาบริเวณปล้องไฉนสามารถมองเห็นอย่างชัดเจน จนเป็นที่วิพากวิจารณ์ในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง เนื่องจากคราบสนิมในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการทาสีองค์พระบรมธาตุเจดีย์จากเดิมมีสีเทาดำเป็นสีขาว จนต้องใช้งบประมาณหลายล้านบาทสร้างนั่งร้านขึ้นสำรวจตรวจสอบและแก้ไขเมื่อปลายปี 2556 แต่เวลาผ่านมาไม่กี่เดือนกลับเกิดคราบสนิมขึ้นในบริเวณเดิมอีกดังกล่าว ซึ่งอาจจะกระทบกับโครงสร้างทำให้ยอดพระบรมธาตุเจดีย์ชำรุดเสียหาย รวมทั้งอาจจะกระทบกับการพิจารณาประกาศขึ้นทะเบียนพระบรมธาตุ ฯเป็นมรดกโลกของคณะกรรมการยูเนสโกก็ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าชาวโลกออนไลน์ได้มีการนำภาพองค์พระบรมธาตุเจดีย์ นครศรีธรรมราชไปโพสต์พร้อมแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ นานา อย่างกว้างขวาง โดยมีการนำภาพเดิมที่องค์พระบรมธาตุมีสีเทาดำ ดูเข้มขลังและไม่เคยปรากฏคราบสนิม กับภาพที่มีการทาสีขาวน้ำปูนตำทำให้องค์พระบรมธาตุมีสีขาวซึ่งปรากฏคราบสนิมให้เห็นอย่างชัดเจนมาเปรียบเทียบกัน ส่วนใหญ่เรียกร้องให้เร่งสำรวจ ตรวจสอบและแก้ไขให้พระบรมธาตุฯกลับมาเหมือนเดิมโดยเร็วที่สุด
เกี่ยวกับเรื่องนี้นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า การแก้ไขปัญหามีคราบคล้ายสนิมไหลเยิ้มลงมาจากใต้ฐานบัวคว่ำบัวหงายปลียอดทองคำ องค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช หลังจากที่กรมศิลปากรได้ส่งช่างจากสำนักช่างสิบหมู่ขึ้นไปสำรวจและแก้ไขปัญหาเมื่อปี 2556 ซึ่งในขณะนั้นได้มีการวิเคราะห์กันว่าสาเหตุน่าจะมาจากสนิมเหล็กยึดรอกที่รัดอยู่เหนือฐานบัวคว่ำบัวหงาย สาเหตุคาดว่าเกิดจากปฏิกิริยาของอากาศกับปูนและเหล็กรัดรอกจึงถอดเอาเหล็กออก แล้วซ่อมแซมใหม่ แต่ปัญหาดังกล่าวยังไม่จบ โดยปัญหาคราบสนิมยังคงมีอย่างต่อเนื่องหลังจากเวลาผ่านไปไม่ถึง 1 ปีกลับเป็นสนิมอีกแสดงว่าการแก้ไขปัญหาดังกล่าวยังไม่ถูกจุด
“จังหวัดจึงได้มอบหมายให้สำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช ประสานไปยังกรมศิลปากร โดยกรมศิลปากรได้มอบหมายให้ ดร.ศิริชัย หวังเจริญตระกูล นักวิทยาศาสตร์เชี่ยวชาญ สำนักพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ส่งผู้เชี่ยวชาญไปศึกษาวิเคราะห์ถึงปัญหาที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง คาดว่าผู้เชี่ยวชาญน่าจะลงมาในเร็ว ๆ นี้ อันที่จริงคราบสนิมไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นแต่มีมานานแล้ว แต่เมื่อมีการทาสีขาวทำให้เห็นชัดเจนขึ้น”
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวต่อว่า มีหลายคนเป็นห่วงว่าปัญหาการเกิดคราบสนิมจะส่งผลกระทบต่อการเสนอพระบรมธาตุเจดีย์เป็นมรดกโลกนั้น ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเขามีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามขอให้ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานาขอให้อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลข้อเท็จจริงด้วย อย่าอคติหรือเอาความคิดเห็นของตัวเองเป็นหลัก แต่ให้ยึดหลักเหตุและผล ส่วนการเสนอพระบรมธาตุฯเป็นมรดกโลกในปี 2558 นั้น อันที่จริงเป็นโอกาสแรกในการนำเสนอถ้าพร้อมอาจจะได้เป็นมรดกโลกเลยก็ได้ แต่ถ้ายังไม่พร้อมก็มีการขยายเวลาให้ปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงโดยมีระยะเวลาถึง 10 ปี
“ส่วนผู้ที่คัดค้านต่อต้านโครงการพระบรมธาตุมรดกโลกขอให้มองผลประโยชน์ในภาพรวมของประเทศและของจังหวัดนครศรีธรรมราชที่จะได้รับจากการที่องค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชเป็นมรดกโลก เพราะเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะของชาวนครศรีธรรมราช ดังนั้นจึงต้องช่วยกันทุกฝ่ายทำในสิ่งที่สร้างสรรค์”.นายศิริพัฒ พัฒกุล กล่าวในที่สุด.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
4 ต.ค. 2557