จากกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวนางผัด ยืนยัง อายุ 84 ปี ที่ตาพร่ามัวแต่ต้องออกเดินเร่ขอทานหาเงินและอาหารเลี้ยงนายอรุณ ยืนยัง อายุ 54 ปี ลูกชายที่ถูกรถชนเมื่อปี 2555 จนกลายเป็นอัมพาตนอนรอวันตายอยู่บนเตียงในเช่าไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 5 ต.โพธิ์ทอง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ทำให้ภรรยาหอบลูกหลบหนีหายไป และที่ผ่านมานางผัด เคยถูกรถชนได้รับบาดเจ็บมาแล้ว 2 ครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบเมื่อวันที่ 31 ส.ค. นี้ว่าสาเหตุที่นางผัด แม่เฒ่าทรหดรายนี้สายตาพร่ามัวมองไม่ค่อยเห็นเป็นเพราะดวงตาทั้งสองข้างเป็นต้อกระจก หากได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีเชื่อว่าจะทำให้สายตากลับมามองเห็นได้ชัดเจนอย่างแน่นอน
ต่อมาผู้สื่อข่าวพร้อมด้วยนางกันทิชา มาตรวังแสง ประธานศูนย์พึ่งได้ จ.นครศรีธรรมราช เดินทางไปยังบ้านเช่าของนางผัด พบว่าเป็นห้องแถวที่ถูกปล่อยให้ทิ้งร้างปลูกอยู่ติดกัน 5-6 ห้อง ถูกตัดน้ำตัดไฟไปหมดแล้วเจ้าของเห็นว่านางผัดและนายอรุณ ไม่มีที่อยู่อาศัยจึงให้เช่าในราคาเดือนละ 800 บาท แต่จะเก็บค่าเช่าจริง ๆ เพียงเดือนละ 500 บาทเท่านั้นโดยต่อสายไฟส่องสว่างมาให้ใช้ในบ้าน 1 ดวง ส่วนน้ำประปาไม่มีนางผัด จะต้องเดินไปอาบน้ำที่บ่อห่างจากบ้านหลายร้อยเมตรและตักน้ำใส่ถังพลาสติกนำกลับมาใช้ที่อย่างยากลำบาก ส่วนภายในบ้านมีนายอรุณ นอนอยู่บนเตียงในสภาพเนื้อตัวเหม็นเน่าส่งกลิ่นโชยไปทั่วบริเวณ ภายในบ้านมีข้าวของเครื่องใช้เก่า ๆ ที่จำเป็นวางระเกะระกะเต็มไปหมด
ผู้สื่อข่าวสังเกตพบว่าบริเวณใกล้เคียงบ้านเช่าที่นางผัด อาศัยมีหลังใหญ่หลังละหลายล้านบาทปลูกอยู่ 4-5 หลัง แต่ละหลังมีก๊อกน้ำอยู่หน้าบ้าน ซึ่งน่าเอ็นดูสงสารและอำนวยความสะดวกให้นายผัด ใช้น้ำได้ไม่น่าจะปล่อยให้นางผัด เดินข้ามถนนไปอาบน้ำและหิ้วน้ำทีละครึ่งถังกลับมาใช้ที่บ้าน เมื่อตรวจสอบจึงพบความจริงว่าผู้ที่มีฐานะร่ำรวย มีบ้านหลังใหญ่ และเป็นเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบในละแวกใกล้เคียงต่างพากันรังเกียจเดียดฉันท์นางผัด และนายอรุณ ลูกชายเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เพราะในละแวกใกล้เคียงต้องทนรับกลิ่นเหม็นเน่าจากบ้านเช่าของนางผัดซึ่งเกิดจากนายอรุณ ที่นอนซมหมักหมมอยู่กับที่เป็นเวลานาน โดยไม่ได้อาบน้ำมานานเป็นแรมปี เจ้าของบ้านหลังใหญ่ในละแวกข้างเคียงจึงพยายามขับไล่นางผัด และนายอรุณให้ไปอยู่ที่อื่น โดยพยายามกดดันทุกวิถีทางแม้แต่ผู้คนที่เข้ามาบริจาคเงินหรือข้าวสาร อาหารแห้งช่วยเหลือก็จะถูกเจ้าของบ้านหลังใหญ่ในละแวกข้างเคียงขัดขวางและห้ามไม่ให้เข้ามาช่วยเหลือ
“อย่างไรก็ตามชาวบ้านส่วนใหญ่โดยเฉพาะในย่านชุมชนที่อยู่ห่างออกไปในรัศมี 3 กม.ต่างเอ็นดูสงสารนางผัดและนายอรุณ เป็นอย่างมาก เมื่อนางผัดไปขอเงินและอาหารส่วนใหญ่จะมอบให้อย่างเต็มใจ”
นายอรุณ ยืนยัง ตนสงสารแม่มาก ที่ต้องมาลำบากในการหาเลี้ยงตน ทำให้ตนคิดฆ่าตัวตายหลายครั้งเพื่อไม่ให้เป็นภาระของแม่ เพราะทุกวันนี้แม้ตนจะยังมีลมหายใจอยู่แต่ไม่แตกต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว และคาดหวังว่าวันหนึ่งจะมีผู้ใจบุญนำตัวไปรับการรักษาเพียงเพื่อช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง รวมทั้งอยากได้รถเข็ญสักคันเพื่อได้นั่งออกไปดูโลกภายนอกและได้สูดอากาศบริสุทธิ์ นายอรุณกล่าวด้วยน้ำตานองใบหน้าเป็นที่สะเทือนใจยิ่งนัก
ในขณะที่นางผัด ยืนยัง กล่าวว่า แม้ตนจะมองไม่เห็น เดินไม่ค่อยไหวและต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันในขณะเดินไปทีละก้าวอย่างช้า ๆ และ ยากลำบาก หากมีไม้เท้าตนก็ไปไม่ได้ แต่ก็ต้องทน ต้องทำ ทุกวันจะต้องออกไปหาเงิน หาอาหารมาป้อนให้นายอรุณ ลูกชายที่พิการและนอนรออยู่ที่บ้าน หากตนไม่ออกไปหาทั้งตนและนายมนุญก็คงอดตาย ตนเป็นห่วงนายมอรุณ บุตรชายมากกว่าตัวเองเสียอีก แม้ว่าคนร่ำคนรวยในละแวกใกล้เคียงจะเกลียดชังตนและลูก แต่คนอื่น ๆ โดยเฉพาะตามตลาดนัดเอ็นดูสงสารตนมอบเงินและอาหารให้ด้วยความสงสาร
“ตนไม่รู้จะทำอย่างไรทำได้อย่างเดียวคือการขอเขาทุกอย่าง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมแต่ชาติปางไหน เมื่อถามว่ายายอยากได้อะไรมากที่สุด นางผัด ตอบว่า ในชีวิตนี้ตนไม่อยากได้อะไรอีกแล้วขอเพียงให้มีกินไปวันหนึ่ง ๆ ก็เพียงพอแล้ว”
ทางด้านนางกันทิชา มาตรวังแสง ประธานศูนย์พึ่งได้ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้วิ่งเต้นหาประสานผู้ใจบุญให้เข้ามาให้ความช่วยเหลือนางผัด มาตลอด กล่าวว่าครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อนจริง ๆ โดยก่อนหน้านี้นางผัด ยังต้องรับภาระเลี้ยงดูหลานอีก 3 คน แต่ในปัจจุบันมีญาตินำหลานไปเลี้ยงดูแทน จึงหมดภาระดังกล่าวไปได้บ้าง ตนและชาวบ้านต่างเป็นห่วงนางผัด ผู้เป็นแม่ที่ทุกวันทำหน้าที่หาเลี้ยงลูกที่พิการ โดยการเดินเร่ร่อนขอทานเขาไปเรื่อย ๆ ไปตามถนนในหมู่บ้านตามตลาดนัด
“หากมีรถเข็ญให้นายอรุณสักคัน เพื่อได้นั่งแล้วให้ยายผัดเข็ญไปดูโลกภายนอก ได้สูดอากาศดี ๆ บ้างสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตของนายอรุณ น่าจะดีขึ้นไป ส่วนปัญหาเรื่องน้ำกินน้ำใช้จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่าหน้าบ้านเช่ามีบ่อน้ำร้างอยู่บ่อหนึ่ง หากรื้อบ่อน้ำใหม่นางผัดก็จะมีน้ำกินน้ำใช้โดยไม่ต้องเดินไปเอาน้ำจากที่ไกล ๆ แต่การรื้อบ่อน้ำต้องว่าจ้างชาวบ้านต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 2,000 บาท ตนกำลังหาเงินเพื่อมาดำเนินการรื้อบ่อน้ำให้นางผัดต่อไป หากผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือนางผัด และนายอรุณ ลูกชายที่พิการสามารถโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเทสโก้โลตัส สาขา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ชื่อบัญชีนางกันทิชา มาตรวังแสง (ศูนย์พึ่งได้โดยพลเมืองหญิง) เลขบัญชี 997-220843-7 หรือโทรศัพท์สอบถามรายได้ละเอียดได้ที่โทร.081-0815071นางกันทิชา กล่าวในที่สุด.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
31 ส.ค. 2557