จากกรณีนายอนุสรณ์ จึงรุ่งเรือง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/100 หมู่ 4 ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราชรับจ้างขับรถยนต์กระบะตอนครึ่ง ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บร-4163 สงขลา รับจ้างรับส่งนักเรียนจากหมู่บ้านในชนบทไปส่งที่โรงเรียนในคัวอำเภอชะอวด จ.นครศรีธรรมราช แต่เกิดลืมด.ช.รณกร นาคพันธ์ หรือ “น้องบุญปลื้ม” อายุ 4 ขวบ อยู่บ้านเลขที่ 22/3 หมู่ 9 ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช นักเรียนอนุบาล 1โรงเรียนอนุบาลภรณ์อุดม ไว้ในรถ และนำรถไปจอดไว้ด้านหลัง สภ.ชะอวด เพื่อรอรับกลับในช่วงบ่าย และมาพบน้องบุญปลื้มนอนเสียชีวิตในรถเพราะขาดอากาศหายใจ เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 21 ก.ค.2557 ที่ผ่านมา ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของพ่อแม่และญาติพี่น้อง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2557 ว่าหลังเกิดเหตุ นายอนุสรณ์ฯ คนขับรถยนต์มรณะคันดังกล่าวได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยอมรับสารภาพว่ากระทำโดยสะเพร่าและประมาท หลังจากส่งนักเรียนเสร็จแล้วลืมตรวจสอบว่าน้องบุญปลื้ม ยังไม่ได้ลงจากรถแต่นอนหลับอยู่ในแค็ปด้านหลัง และนำรถยนต์ไปจอดด้านหลังโรงพัก เพื่อรอรับกลับบ้านในช่วง 14.30 น. หลังจากนั้นจึงใช้รถ จยย.ขับกลับไปทำงานที่บ้านตามปกติ จนใกล้ถึงเวลาโรงเรียนเลิกจึงขับรถ จยย.กลับมาจอดที่โรงพัก จากนั้นจึงเดินไปที่รถยนต์เพื่อขับไปรับเด็ก ๆ และพบน้องบุญปลื้ม นอนแน่นิ่งเสียชีวิตอยู่ในแค็ปด้านหลัง ตนยอมรับผิด ยอมรับโทษตามกฎหมายทุกอย่างโดยหากเป็นไปได้ตนอยากจะบวชอุทิศบุญกุศลให้กับน้องบุญปลื้มด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนปากคำนายอนุสรณ์ คนขับรถอย่างละเอียดต่อเนื่องหลายชั่วโมง เพราะหลายฝ่ายยังสงสัยว่านายอนุสรณ์ สะเพร่า ประมาทหรือจงใจทิ้งน้องบุญปลื้ม ไว้ในรถจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ และเพื่อให้การรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนาในการดำเนินคดีกับนายอนุสรณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอนำศพน้องบุญปลื้ม ส่งผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดที่นิติเวช รพ.สุราษฏร์ธานี แต่ทางพ่อแม่และญาติ ๆ ของน้องบุญปลื้ม ขอร้องไม่ให้นำศพน้องบุญปลื้มไปผ่าพิสูจน์ และนำศพน้องบุญปลื้มกลับไปบำเพ็ญกุศลศพตามประเพณีต่อไป โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ยอมให้ประกันตัวนายอนุสรณ์
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 22/3 หมู่ 9 ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช สถานที่บำเพ็ญกุศลศพ โดยญาติ ๆ ร่วมกันประกอบพีอาบน้ำศพ โดยมีเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาร่วมพิธีหลายร้อยคน และช่วยกันคนละไม้ละมือจัดสถานที่เพื่อตั้งศพบำเพ็ญกุศล หลังจากนั้นนำศพน้องบุญปลื้มบรรจุในโลงศพตั้งไว้ในบ้านเป็นการชั่วคราว เพื่อรอการจัดสถานที่ให้เสร็จเรียบร้อยจากนั้นจะเคลื่อนศพออกมาตั้งในเต้นท์หน้าบ้าน โดยจะบำเพ็ญกุศลศพน้องบุญปลื้มไปจนถึงคืนวันที่ 28 ก.ค. 2557 จากนั้นในวันที่ 29 ก.ค. 2557 จะเคลื่อนศพไปฌาปนกิจที่ฌาปนสถานวัดเขมาราม หรือวัดควนยาว ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช
สำหรับบรรยากาศในการจัดเตรียมงานบำเพ็ญกุศลศพน้องบุญปลื้มเป็นไปด้วยเศร้าโสกเสียใจของพ่อแม่ และญาติพี่น้องรวมทั้งเพื่อนบ้านจำนวนมากที่ยังคงจับกลุ่มวิพากวิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้เวลาจะล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่ (22 ก.ค.) แต่เพื่อนบ้านก็ยังไม่ยอมกลับ ในขณะที่นายศักดิ์ระพี นาคพันธ์ อายุ 35 ปี และนางพวงเพชร นิจปราณ อายุ 35 ปี พ่อและแม่ของน้องบุญปลื้ม อยู่ในอาการโศกเศร้าและร้องให้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนางพวงเพชร ที่เศร้าโสกเสียใจ ร้องห่มร้องให้จนเป็นลมล้มพับไปหลายครั้ง ญาติ ๆ ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
นางกิ้มพงศ์ นิจปราณ อายุ 63 ปี คุณยายของน้องบุญปลื้ม เปิดเผยว่า นางพวงเพชร บุญสาวซึ่งเป็นแม่ของน้องบุญปลื้ม เป็นลูกสาวคนโต แต่งงานกับนายศักดิ์ระพี หลายปีก็ไม่มีบุตร ทั้งสองจึงไปพบแพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยแพทย์ตรวจพบสาเหตุที่ทำให้นางพวงเพชร บุตรสาวมีลูกยากเพราะมีความผิดปกติของมดลูกนางพวงเพชร รวมทั้งพบว่าเชื้ออสุจิของนายศักดิ์ระพี ลูกเขยไม่แข้งแรงหรือที่เรียกว่าเชื้ออ่อน แพทย์จึงแนะนำว่าหากอยากมีลูกต้องใช้วิทยาการเข้ามาช่วย ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธีทั้งการทำกิ๊ฟ และเด็กหลอดแก้ว แต่ต้องเสียค่าจ่ายใช่สูงมาก นางพวงเพชร และนายศักดิ์ระพี จึงตกลงให้แพทย์ช่วยทำกิ๊ฟจนตั้งครรภ์น้องปลื้ม แต่เมื่อท้องได้ 3 เดือนเศษก็มีปัญหาเนื่องจากมีน้ำและเลือดไหลออกมาจากช่องคลอดตลอดเวลา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทารกในครรภ์มีโอกาสหลุดหรือแท้งสูงมาก จึงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างชิดเป็นพิเศษ จนครบกำหนดคลอดก็ไม่สามารถคลอดได้ตามปกติต้องใช้วิธีการผ่าตัดเอาทารกออกจากครรภ์อย่างปลอดภัย รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 4 แสนบาท
“ตนเป็นคนเลี้ยงน้องบุญปลื้มมาตั้งแต่แรกคลอด น้องปลื้มเป็นเด็กนิสัยร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส ฉลาดมาก จนเป็นที่รักใครของพ่อแม่และญาติ ๆ รวมทั้งเพื่อบ้าน เมื่อไปเรียนชั้นอนุบาล 1 ก็เป็นที่รักใคร่ของครู อาจารย์ โดยในวันที่ 23 ก.ค. 2557 จะเป็นวันเปิดการแข่งขันกีฬาอำเภอ น้องบุญปลื้มได้รับเลือกให้เป็นดรัมเมเยอร์ชายของโรงเรียน โดย 2-3 วันที่ผ่านมาเมื่อน้องบุญปลื้มกลับมาถึงบ้านก็จะฝึกซ้อมการเป็นดรัมเมเยอร์ชายและเดินขบวนพาเหรดอย่างต่อเนื่อง และยังสั่งตนและญาติ ๆ ทุกคน รวมทั้งเพื่อนบ้านว่าในวันที่ 23 ก.ค.2557 ขอให้ไปดูเขาเป็นดรัมเมเยอร์ชายนำขบวนพาเหรดของโรงเรียน”
คุณยายของน้องบุญปลื้ม กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าอีกว่า แต่ไม่ทันได้เป็นดรัมเมเยอร์ชายและเดินขบวนพาเหรด น้องบุญปลื้มก็มาเสียชีวิตเสียก่อน ตนเสียใจที่สุดเพราะเป็นคนเลี้ยงดูน้องบุญปลื้มมาตั้งแต่วันแรกที่เกิดมาลืมตาดูโลก แม้นายอนุสรณ์ คนขับรถจะไม่ตั้งใจ แต่เขาควรจะตรวจสอบในรถให้ดีเสียก่อนว่ายังมีเด็กหลงเหลืออยู่ในรถหรือไม่ หากเป็นเด็กจำนวนมากก็พอว่าแต่นี่เด็กในหมู่บ้านแค่ 7 คนเท่านั้นที่พ่อแม่ ผู้ปกครองผูกรถหรือว่าจ้างนายอนุสรณ์ ให้รับส่งบุตรหลายไปและกลับโรงเรียนเดือนละ 800 บาท/คน เขาน่าจะมีความรอบคอบมากกว่านี้
ทางด้านนายศักดิ์ระพี นาคพันธ์ เปิดเผยด้วยน้ำตานองหน้าและเสียงสั่นเครือว่า ตนพูดอะไรไม่ออกจริง ๆ เรื่องในลักษณะนี้เกิดขึ้นและตกเป็นข่าวบ่อย ๆ แต่ไม่นึกว่าจะมาเกิดขึ้นกับตัวเอง เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนในสังคมที่มีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตเด็ก ๆ จะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะถือว่าได้รับความไว้วางใจจากพ่อแม่ของเด็กแล้วไม่ขอให้ดูแลเหมือนลูกตัวเองไม่ ต้องมีความรอบคอบให้มากที่สุด ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้ขึ้นอีก ขอให้ชีวิตน้องปลื้ม ลูกชายของตนเป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคมและเป็นศพสุดท้าย ตนไม่อยากให้เกิดกับใครอีก
“ก่อนเกิดเหตุไม่มีลางสังหรณ์ใด ๆ เลยว่าตนจะต้องสูญเสียน้องปลื้มซึ่งเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจไปอย่างไม่มีวันหลับ ตอนเช้าตื่นขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวและกินข้าวได้มากเป็นพิเศษ โดยน้องปลื้มเป็นเด็กร่าเริง พูดเก่ง ชอบทักทายผู้คนทำให้เป็นที่รักของคนทุกคนที่พบเห็น เขาเกิดมาอยู่กับผมน้อยเกินไป ซึ่งฟ้าคงจะลิขิตชีวิตเขามาแค่นี้ ก่อนนำร่างของน้องปลื้มใส่โลงตั้งบำเพ็ญกุศลผมและภรรยาได้พูดกับน้องปลื้มว่าขอให้กลับมาเกิดเป็นลูกของพ่อของแม่ใหม่และขอให้อยู่กับพ่อแม่ให้นาน ๆ” นายศักดิ์ระพี กล่าวในที่สุด.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
22 ก.ค. 2557