(13 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบนถนนราชดำเนินตั้งแต่วงเวียนน้ำพุ-สนามหน้าเมือง –ศาลาประดู่หก จวนผู้ว่าราชการจังหวัด กำแพงเมืองเก่า สวนสาธารณะศรีธรรมโศกราช ไปจนถึงหอพระนารายณ์ ต.ในเมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองนครศรีธรรมราช ระยะทางประมาณ 1 กม.เศษได้มีบริษัทเอกชนนำเต้นน้ำ 1,000 หลังมากางบนผิวการจราจรเกือบเต็มพื้นที่ทั้งถนนฝั่งขาเข้าและขาออก โดยในจุดที่ถนนกว้างตั้งแต่วงเวียนน้ำพุ-หน้าจวนผู้ว่าจนถึงสะพานนครน้อยวางเต้นท์เรียงราย 4 แถว ส่วนในจุดอื่น ๆ ที่ถนนแคบวางเต้นท์ 2 แถว เว้นพื้นที่ให้รถวิ่งสัญจรได้ฝั่งละ 2.50 เมตรเท่านั้น นอกจากนี้ถนนซอยที่แยกจากถนนราชดำเนินทุกซอยในช่าง 1 กม.ดังกล่าวจะมีการวางเต้น 1 แถวเหลือพื้นที่เป็นช่องเท่ารถยนต์กระบะให้รถวิ่งผ่านได้ แต่ไม่สามารถวิ่งสวนทางกันได้ รวมล็อคในพื้นที่ทั้งหมดไม่น้อยกว่า 10,000 ล็อค
การดำเนินการได้เริ่มมาตั้งแต่คืนวันที่ 11 ก.ค.2557 ท่ามกลางความแปลกใจของประชาชนที่ไม่ทราบเหตุผลว่าอะไรเกิดขึ้น และมีการวางเต้นท์เพื่อจำหน่ายสินค้าบนผิวการจราจรถนนราชดำเนินระยะทาง 1 กม. รวมทั้งในซอยที่แยกจากถนนราชดำเนินเต็มพื้นที่ในระยะทาง 1 กม.เศษเพื่ออะไร และทำไมต้องใช้ผิวการจราจรเกือบทั้งหมดของถนนราชดำเนิน รวมทั้งซอยที่แยกจากถนนราชดำเนินด้วย สร้างความงวยงงสงสัยให้กับประชาชนได้สอบถามไปยังสื่อมวลชนแต่ไม่มีใครสามารถตอบคำถามหรืออธิบายชี้แจงได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ผู้สื่อข่าวจึงได้ตรวจสอบเอกสารที่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดส่งทางอีเมลล์ไปถึงผู้สื่อข่าวเพื่อเรียนเชิญร่วมรับฟังการแถลงข่าวการจัดงานมหกรรมสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อคืนความสุขให้คนในชาติ (ภาคใต้) ในเวลา 09.00 น.วันที่ 15 ก.ค. 2557 ณ.ศาลาประชาคมโรงละครองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช และร่วมพิธีเปิดงานในเวลา 18.00 น. วันที่ 15 ก.ค. 2557 ณ.เวทีกลางสนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช รวมทั้งในเวลา 07.30 น.วันที่ 16 ก.ค. 2557 ณ.เวทีกลางสนามหน้าเมือง โดยระบุกำหนดการจัดงานมหกรรมสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อคืนความสุขให้คนในชาติ (ภาคใต้) กำหนดจัดขึ้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชในระหว่างวันที่ 15-17 ก.ค. 2557 ซึ่งหลังจากกางเต้นท์ในแต่ละจุดเสร็จสิ้นพ่อค้า แม่ค้าที่จองเต้นท์ได้ทยอยนำสินค้าประเภทต่าง ๆ เข้าไปวางจำหน่ายในแต่ละเต้นท์ตั้งแต่วันนี้ (13 ก.ค.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการจัดงานมหกรรมสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อคืนความสุขให้คนในชาติ (ภาคใต้) ในลักษณะดังกล่าวทำให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพจับกุมวิพากชวิจารณ์รวมทั้งโพสต์ข้อความวิพากวิจารณ์แสดงความคิดเห็นในโลกไชเบอร์กันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากไม่เกิดปรากฏการณ์ในลักษณะเช่นนี้มาก่อน แม้ในอดีตจะมีการจัดงานเทศกาลบุญสารทเดือนสิบบริเวณสนามหน้าเมือง การจัดงานในครั้งนี้น่าจะจัดในสนามหน้าเมือง หรือสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 “ทุ่งท่าลาด” หรือสวนสาธารณะศรีธรรมโศกราช รวมทั้งสนามหน้าศาลากลางจังหวัดที่ใดที่ไหนึ่ง หรือทุกที่ก็ได้ โดยไม่สมควรปิดถนนราชดำเนินและซอยที่แยกจากถนนราชดำเนิน เพื่อจำหน่ายสินค้าในลักษณะนี้
“จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดใหญ่ มีถนนราชดำเนินเป็นเส้นทางหลักในการเข้าออกตัวเมือง ทำให้ที่มีปัญหาด้านการจราจรเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่ถึงกับต้องใช้ถนนราชดำเนินและซอยที่แยกจากถนนราชดำเนินในระยะทาง 1 กม.มาวางเต้นเพื่อจำหน่ายสินค้า ในช่วงการจัดงานวันที่ 15 ก.ค.-17 ก.ค. 2557 เมืองนครศรีธรรมราชมีปัญหาด้านการจราจรอย่างหนักจนทั้งเมืองกลายเป็นอัมพาตแน่ นอกจากนี้ก่อนงาน 2-3 วัน หลังการจัดงานอีก 2-3 วันการจราจรก็มีปัญหาเช่นกัน รวมวันที่ส่งผลกระทบต่อการจราจรไม่น้อยกว่า 7 วัน”
ซึ่งหน่วยงานที่ต้องรับภาระหนักที่สุดคือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องรับผิดชอบการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามในเรื่องนี้ทุกคนต่างส่ายศรีษะและพูดว่า ตายแน่คราวนี้...! เพราะขนาดยังไม่ถึงวันจัดงานการจราจรก็มีปัญหาหกนักแล้ว โดยเฉพาะเมื่อวานนี้มีขบวนแห่เทียนพรรษาพระราชทาน คนงานกำลังลงเต้นท์ต้องจัดขบวนเดินเบียดหลบหลีกระหว่างเต้นเป็นภาพที่ไม่สวยงามเลย...
โดยประชาชนจำนวนมากกล่าวเป็นในทำนองเดียวกันว่าผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในบ้านนี้เมืองนี้คิดจะทำอะไรกันอยู่ เขามีอำนาจและคิดรอบครอบแล้วหรือ เพราะการจัดงานตามนโยบายของ คสช.คือการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ คืนความสุขให้คนไทย แต่การจัดงานในลักษณะนี้ทำให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ และคืนความสุขให้กับคนไทยตรงไหน มันไม่เกี่ยวอะไรกันเลย นอกจากจะไม่ได้สร้างความปรองดองสมานฉันแล้วยังเป็นการเพิ่มความทุกข์ ความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากกว่า และสวนทางกับแนวนโยบายของ คสช.อย่างชัดเจน จึงอยากให้ผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะหัวหน้า คสช.พิจารณาทบทวนรูปแบบการจัดงานในครั้งนี้โดยด่วน.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
13 ก.ค. 2557