(30 มิ.ย.) จากกรณีที่ ประชาชนจำนวนมากที่เดินทางไปกราบนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ วัดประมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ต่างแตกตื่นและพากันวิพากจารณ์เล่าลืออย่างกว้างขวางกรณีการบูรณะพระประธาน หรือ “พระด้าน” จำนวน 173 องค์ โดยเกิดความแปลกประหลาดเมื่อพบว่ามีเส้นขนคล้ายเส้นผมงอกออกมาบริเวณหน้าตักและหัวเข่าองค์พระองค์ที่ 42 โดยประชาชนเชื่อว่าเกิดจากปาฏิหาริย์และความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระพระประธานและพระบรมธาตุเจดีย์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งจากในจังหวัดและต่างจังหวัดที่ทราบข่าวเดินทางมากราบนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร รวมทั้งเข้าชมการบูรณะพระประธาน หรือพระด้านอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ช่างบูรณะ ฯองค์พระได้เร่งบูรณะ ฯองค์พระซึ่งส่วนใหญ่ชำรุดในลักษณะต่าง ๆ ทั้งที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของปูนปั้นและส่วนผสมต่าง ๆ ทำให้องค์พระในจุดต่าง ๆ ผุกร่อน แตกหักบางองค์เดือยไม้ที่เชื่อมต่อระหว่างเศียรพระกับพระศอผุกกร่อนชำรุด เศียรองค์พระจึงขยับเขยื้อนไม่แข็งแกร่ง เจ้าหน้าที่ต้องดึงเศียรออกมาบูรณะ ฯก่อนนำไปเชื่อมต่อกับพระศอจนแข็งแรง หลังจากการบูรณะ ฯซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดเสร็จสิ้นนายช่างก็จะทำการขัดองค์พระที่ลงรักปิดทองไว้เป็นเวลานานออก โดยมีพระภิกษุจากวัดต่าง รวมทั้งประชาชนใช้เวลาว่างมาช่วยกันขัดองค์พระและทำการลงรักปิดทองใหม่ทุกองค์ ทำให้องค์พระที่ผ่านการบูรณะ ฯใหม่ดูสดใสสง่างามมากกว่าเดิม จนถึงขณะนี้การบูรณะ ฯเสร็จสิ้นไปแล้วจำนวน 59 องค์ จากทั้งหมด 173 องค์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามปกติในแต่ละวันโดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมากราบนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ และชมโบราณสถานภายในวัดเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากมีข่าวเส้นขนคลายเส้นผมงอกออกมาจากองค์พระประธาน หรือ “พระด้าน” ในวิหารคด หรือวิหารพระด้าน รอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวและนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์เพื่อมากขึ้น นายเฉลิม จิตรามาศ ประชาสัมพันธ์วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ที่คอยอำนวยความสะดวกและอธิบายรายละเอียดข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวข้องโบราณสถานภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
นายเฉลิม จิตรามาศ กล่าวว่า พระประธาน หรือ “พระด่าน “ในวิหารคดจำนวน 173 องค์ เป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ มีความเก่าแก่อย่างมากทำให้ชำรุดทรุดโทรมแตกหักไปตามกาลเวลา ทางวัดจึงมีโครงการบูรณปฏิสังขรณ์พระประธานทั้ง 173 องค์ โดยใช้เงินที่ประชาชนช่วยกันบริจาคคนละเล็กละน้อย สำหรับเส้นขนคบล้านเส้นผมที่พบบริเวณหน้าตักและหัวเข่าขององค์พระองค์ที่ 42 นั้น จากการตรวจสอบอย่างละเอียดสรุปว่าไม่ใช่เส้นขนหรือเส้นผมตามที่ประชาชนเข้าใจในตอนแรก แต่เป็นเชื่อราหรือเฟิร์นชนิดหนึ่ง นักวิชาการระบุว่าเป็นเฟิร์นใบมะขาม ซึ่งเชื้อหรือสเปิร์มของเฟิร์นน่าจะติดมากับวัสดุที่นำมาใช้บูรณะฯองค์พระเมื่อหลายสิบปีก่อน เมื่อได้รับความชื้นเฟิร์นจึงเจริญเติบโตแผ่ขยายรากฝอยไปในปูนตามส่วนต่าง ๆ ขององค์พระ แต่ไม่สามารถโผล่เป็นต้นแตกใบออกมาภายนอกได้เองจากองค์พระมีการลงรักปิดทองเอาไว้เป็นอย่างดี
“การเจริญเติบโตของเฟิร์นในลักษณะนี้ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ในส่วนของชาวบ้านถือว่าเป็นเรื่องแปลกมาก ๆ โดยการบูรณะ ฯองค์พระประธานจนถึงขณะนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว 62 องค์ และพบเฟิร์นแผ่รากฝอยในองค์พระเพียงองค์เดียวคือองค์ที่ 42 ส่วนที่เหลืออีก 111 องค์ทางช่างจะดำเนินการบูรณะ ฯตามลำดับขั้นตอนต่อไปเรื่อย ๆ จนแล้วเสร็จทั้งหมดในอีกไม่ช้านี้” นายเฉลิม กล่าวในที่สุด.
ไพฑูรย์ อินทศิลา/กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
30 มิ.ย. 2557