เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 พ.ค.2557 ที่ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อากุล ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.พนม บุญช้าง สวป. คุมตัว นายเอกพจน์ คชพราย หรือ “โหนด คันธง” อายุ 25 ปี อยู่บ้านที่ 120/9 ม.5 ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ผู้ต้องฆ่า น.ส.วาสนา โอษฐฤทธิ์ อายุ 17 ปี สาวทอมวัยรุ่นหมกท่อระบายน้ำในท้องที่หมู่ 4 ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2557 มาแถลงข่าว ทามกลางความโกลาหลเนื่องจากญาติ ๆ ของ น.ส.วาสนา ผู้ตายกว่า 50 คนใช้ไม้เป็นอาวุธบุกขึ้นไปบนโรงพักรุมประชาทัณฑ์นายเอกพจน์ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระดมกำลังเข้าระงับเหตุ และพานายเอกพจน์ หลบหนีขึ้นไปอยู่ในห้องสืบสวน ชั้น 2 บนโรงพัก
พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตึเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังออกสอบสวนสืบสวนจนทราบแน่ชัดว่าฆาตกรเหี้ยมรายนี้คือนายเอกพจน์ หรือ “โหนด คันธง “ อดีตผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ ที่เพิ่งออกจากคุกมาได้ไม่นาน จึงระดมกำลังออกติดตามจับกุมตัว จนกระทั้งทราบว่านายเอกพจน์ หรือโหนด คันธง ผู้ต้องหาหลบหนีไปซ่อนคัวที่บ้านเพื่อนใน ต.ท่าเรือ อ.เมือง รวมทั้งบ้านญาติคนหนึ่งใน อ.พระพรหม พ.ต.ท.วิรนัย คงประพันธ์ และ พ.ต.ท.พนม บุญช้าง จึงนำกำลังออกไล่ล่าจับกุมจนสามารถติดตามจับกุมตัวเอาไว้ได้เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา
ในขณะที่นายเอกพจน์ หรือโหนด คันธง ผู้ต้องหาที่สักยันต์ปีศาจจนลายพร้อยไปทั้งตัว ให้การรับสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้านว่า ตนกับ น.ส.วาสนา ผู้ตายรู้จักสนิทสนมกันเป็นอย่างดี เนื่องจากมีบ้านอยู่ไม่ไกลกันมากนัก โดยในอดีต น.ส.วาสนา เป็นแฟนของตน มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง แต่ตอมา น.ส.วาสนา ได้เปลี่ยนไปเป็นสาวทอมบอย คบหากับหลานสาวของตนอย่างเปิดเผย แต่ยังมีพฤติกรรมเป็นผู้หญิงและแอบมีแฟนเป็นผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง สร้างความโกรธแค้นให้กับตนเป็นอย่างมาก โดยพยายามคาดคั้นกับ น.ส.วาสนา ผู้ตายว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ จะเป็นสาวทอม และเป็นแฟนกับหลานสาวของตนนั้นตอนยอมรับได้ แต่ถ้าอ้างเป็นสาวทอมแต่ยังแอบไปมีแฟนเป็นผู้ชายพร้อม ๆ กันด้วยตนรับไม่ได้ จนเกิดมีปากเสียงทะเลาะกับ น.ส.วาสนา หลายครั้ง
จนกระทั้งวันเกิดเหตุตนล่อลวง และชักชวน น.ส.วาสนา ผู้ตายไปหาปลาและงมหอยในบึงริมถนนที่เกิดเหตุ และตนได้สอบถาม น.ส.วาสนา ว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ จะเป็นสาวทอมและเป็นแฟนกับหลานสาวของตนอย่างเดียว หรือยังจะแอบไปมีแฟนเป็นผู้ชาย ที่สำคัญยังจะเป็นแฟนกับตนหรือไม่ แต่ น.ส.วาสนา หาว่าตนเสือกเขาจะเป็นอะไรอย่างไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา จึงได้เกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ทำให้ตนบันดาลโทสะ จับ น.ส.วาสนา บีบคอกดน้ำ ในขณะที่ น.ส.วาสนา พยายามต่อสู้สุดฤทธิ์ ตนจึงชกต่อยทุบตีก่อนจะใช้เท้าเหยียบศีรษะและลำคอ น.ส.วาสนา จนจมโคลนแน่นิ่งเสียชีวิตคาที่ หลังก่อเหตุได้อาบน้ำชำระร่างกายที่เปรอะเปื้อนโคลนตม ก่อนที่จะหลบหนีไป
“เขาคบกับหลานสาวผม และในเวลาเดียวกันคบกับผมด้วย เขาคบทั้งผู้หญิงผู้ชาย และผมรู้ว่ายัง คบกบผู้ชายอีกคน เมื่อผมสอบถามว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ เขากลับหาว่าผมเสือกจึงมีปากเสียงทะเลาะกัน จนผมบันดาลโทสะจับเขากดน้ำก่อนจะใช้เท้าเหยียบศพจนจมโคลนเสียชีวิตดัง กล่าว หลังก่อเหตุผมนอนไม่หลับเลยเพราะวิญญาณของ น.ส.วาสนา ตามหลอกหลอนผมทุกคืน จนผมต้องนอนคลุมโปงด้วยความหวาดกลัวผี น.ส.วาสนา จนกระทั้งถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวดังกล่าว ผมต้องขอโทษ น.ส.วาสนา ผู้ตาย รวมทั้งญาติ ๆ ของ น.ส.วาสนา ด้วย ผมยอมรับผิดและขอชดใช้กรรมที่ผมกระทำกับ น.ส.วาสนา ในครั้งนี้ นายเอกพจน์ หรือ “โหนด คันธง”กล่าวอย่างยิ้มแย้มไม่สะทกสะท้านใด ๆ แม้แต่น้อย
ต่อมาในตอนสายวันเดียวกัน พล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม รอง ผบช.ภาค 8 ได้มีคำสั่งถึง พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ให้ระงับกาควบคุมตัวนายเอกพจน์ ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบการรับสารภาพในที่เกิดเหตุ เนื่องจากเกรงว่าญาติ ๆ ของ น.ส.วาสนา ผู้ตาย จะรวมตัวบุกเข้ารุมประชาทัณฑ์นายเอกพจน์ ซึ่งอาจจะทำให้เรื่องลุกลามรุนแรงบานปลายได้ ทางตำรวจจึงยกเลิกการนำตัวนายเอพจน์ ผู้ต้องหาไปทำแผน ฯในที่เกิดเหตุ ซึ่งไม่มีปัญหาในการพิจารณาของศาลแต่อย่างใด โดยผู้ต้องหาเองก็ไม่ประสงค์จะไปทำแผน ฯในที่เกิดเหตุ แต่ให้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาและมีพยานหลักฐานอื่น ๆ อย่างชัดเจนรับรองดิ้นไม่หลุดแน่.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
21 พ.ค. 2557