เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ห้องประชุมจวน วรรณรัตน์ กองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ในภาคใต้ รวม 9 จังหวัด ประกอบด้วย ชุมพร ระนอง สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ พังงา ภูเก็ต พัทลุง ตรัง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและภาคเอกชนเข้ารายงานตัวและร่วมประชุมหลังจาก ผู้บัญชาการทหารบก ประกาศกฎอัยการศึก
โดยในการเข้า ประชุมผู้เข้าร่วมประชุมต้องลงชื่อ สังกัด ในเอกสารที่เจ้าหน้าที่ทหารจัดให้บริเวณหน้าห้อง โดยห้ามนำอาวุธเข้าไปในห้องประชุมอย่างเด็ดขาด โดยให้ฝากเจ้าหน้าที่ไว้ด้านนอก ทำให้บรรดาข้าราชการตำรวจโดยเฉพาะผู้บังคับการ ฯต้องฝากอาวุธปืนพกไว้กับคนขับรถ หรือตำรวจผู้ติดตาม นอกจากนี้ยังห้ามสื่อมวลชนทำการถ่ายภาพนิ่ง ภาพวีดีโอภายในห้องประชุม สื่อมวลชนที่จะเข้าร่วมรับฟังการประชุมห้ามนำกล้องถ่ายรูป กล้องวีดีโอ.เข้าไปในห้องประชุม โดยอนุญาตให้ถ่ายภาพได้บริเวณนอกห้องประชุมเท่านั้น อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตุว่าในส่วนของผู้บังคับการตำรวจจังหวัด ไม่ได้เข้าร่วมรายงานตัวและประชุมด้วย แต่ได้มอบหมายให้รองผู้บังคับการเข้ารายงานตัวและร่วมประชุมแทน และเดินทางมาร่วมแค่ 6 จังหวัดในจำนวน 9 จังหวัดเท่านั้น
ต่อมาในเวลา 16.00 น.วันเดียวกัน พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วยรองแม่ทัพและตัวแทนข้าราชการฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจได้แถลงสรุปการรายงานตัวและร่วมประชุมว่า เป็นการขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนถึงแนวทางการปฏิบัติตามกฏอัยการศึก โดย ผบ.ทบ.ได้ให้ความสำคัญและเน้นย้ำในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นหลัก ส่วนในกรณีการชุมนุมของประชาชนทุกฝ่ายท่าน ผบ.ทบ.ระบุว่าขอให้ยุติและเลิกการชุมนุมได้แล้ว และขอให้เดินทางกลับทั้งหมด และสามารถใช้ชีวิต ทำงานกันได้อย่างปกติ
โดยการประชุมในค่ายวชิราวุธในครั้งนี้เป็นการประชุมในส่วนของ 9 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ส่วนอีก 5 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ประกอบด้วย จ.นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลาและ จ.สตูล ได้แยกไปรายงานตัวและประชุมที่ค่ายสิริธร จ.ปัตตานี การแยกไปประชุมไม่มีนัยยะอะไรเป็นพิเศษ แต่มีปัญหาเรื่องระยะเวลาในการเดินทาง จึงแยกไปประชุมที่ค่ายสิริธร เพราะระยะทางใกล้กว่าที่จะเดินทางมายังค่ายวชิราวุธ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งตนในฐานะแม่ทัพภาคที่ 4 ก็ต้องรับผิดชอบโดยตรงในส่วนนั้นเช่นกัน
“นอกจากต้องการให้การชุมนุมทางการเมืองทุกฝ่าย ทุกสีเสื้อยุติ โดยขอให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับภูมิลำเนาแล้ว ทาง ผบ.ทบ.ยังย้ำเรื่องกลุ่มที่ก้าวล่วงสถาบันซึ่งจะต้องตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพราะที่ผ่านมาจะเห็นว่าพระองค์ท่านไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวข้องใด ๆ ทางการเมืองเลย พระองค์ท่านมีแต่ดูแลพสกนิกรของท่านให้มีความสงบสุขร่วมเย็น แต่การเมืองมักจะดึงพระองค์ท่านไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ประชาชนบางส่วนเข้าใจผิด ที่สำคัญมีสื่อบางสื่อนำเสนอข่างในลักษณะหมิ่นสถาบัน ทาง ผบ.ทบ.ท่านจึงขอให้มีการดำเนินการตามกฎหมายกับสื่อเหล่านี้ รวมทั้งในเฟซบุ๊คหรือในโชเชี่ยลมิเดียต่าง ๆ ด้วย” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวย้ำ.
ไพฑูรย์ อินทศิลา/กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
20 พ.ค. 2557