(24 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีอดีตพระยันตระเดินทางกลับเข้าในเมืองไทยว่าเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 23 เม.ย. 2557 ที่ผ่านมา ที่อาศรมอดีตพระยันตระ หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ เลขที่ 29/1 ถนนริมน้ำ ชุมชนบ้านต้นหาด ต.ปากพนังฝั่งตะวันออก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีประชาชนจำนวนหลายร้อยคนแห่เดินทางไปเยี่ยมเยียนและกราบไหว้อดีตพระยันตระอย่างเนื่องแน่น รถยนต์ รถ จยย.จอดเรียงรายริมถนนยาวเหยียดหลายร้อยเมตร ในจำนวนนี้กลุ่มนักธุรกิจ นักการเมืองท้องถิ่น แม่ชี และพระภิกษุจำนวนหนึ่งเดินทางไปกราบไหว้อดีตพระยันตระด้วยความเลื่อมใสศรัทธาด้วย ทำให้ภายในอาศรมของอดีตพระยันตระแน่นขนัดไปด้วยผู้คน ไม่สามารถเข้าไปภายในอาศรมพร้อม ๆ กันได้ จึงต้องผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปพบปะเยี่ยมเยียนและกราบไหว้อดีตพระยันตระคราวละ 50-60 คน โดยส่วนใหญ่จะเข้าไปกราบไหว้ขอพรและนำเอาเครื่องรางของขลังไปให้อดีตพระยันตระช่วยปลุกเสกให้เพื่อความเข้มขลังและเป็นสิริมงคล
ส่วนด้านหน้าอาศรมจะมีชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งคอนตรวจสอบบุคคลที่จะเข้าไปพบอดีตพระยันตระอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปด้านในอย่างเด็ดขาด ทำให้สื่อมวลชนหลายคนที่มารอตั้งแต่ช่วงเย็นต้องรออยู่ด้านนอก และพยายามที่จะประสานงานขอเข้าพบเพื่อสัมภาษณ์อดีตพระยันตระ จนกระทั้งมี ดร.พิศิษฐ์คุณาทร วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นชื่อดังคนหนึ่ง ซึ่งเดินทางมาเยี่ยมอดีตพระยันตระด้วย ได้ช่วยประสานงาน จนในที่สุดอดีตพระยันตระได้อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าพบและสัมภาษณ์ได้ แต่มีการ์ดคอยตามประกบสื่อมวลชนอย่างใกล้ชิด
อดีตพระยันตระ กล่าวว่า ขอฝากชาวต้นหาด ชาวปากพนังและชาวไทยทุกคน ให้รักสามัคคี หมั่นเจริญในบุญกุศลคุณงามความดี ต้องอาศัยความอดทนในการทำคุณงามความดี พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ว่า “ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา” เพราะขันติหรือความอดทนเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ทุกเมื่อ ซึ่งขันติเป็นหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงสรรเสริญ เราต้องอดทนบางครั้งแม้จะหิวก็ต้องอดทนเหมือนกัน ทนเจ็บทนปวดทนเมื่อยก็ต้องทน ทนต่อการทำหน้าที่การงาน ทนต่อความลำบากยากเย็นเราก็ต้องทน และในท้ายที่สุดเราก็ต้องทนต่อสภาพกิเลสที่มารบเร้าในใจของเรา และความยินดียินร่ายเราก็ต้องทนให้ได้ ให้มีสติรูทันอยู่เสมอทั้งเหตุอันเป็นที่ตั้งแห่งความน่ายินดีก็ดี เหตุอันเป็นที่ตั้งแห่งความน่ายินดร้ายก็ดี ทั้งที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจเราก็ต้องพยายามทน อย่าปล่อยไปตามอำนาจแห่งกิเลส ไม่ฟูไม่แฟบตามกิเลส เมื่อใจเราไม่ฟูไม่แฟบใจก็สงบ ต้องพยายามหมั่นทำใจให้เป็นกลางให้ได้ แม้แต่ในครอบครัวของต้องอดทนในการทำหน้าที่เหมือนที่อาตมาพูดบ่อย ๆ ว่ารักษาจิตให้ดี ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง มีสติอย่าให้พร่องความเศร้าหมองจะหมดไป จึงต้องหมั่นเจริญทั้งศีลและภาวนาเท่าที่เราจะทำได้
“อาตมาจะอาศัยอยู่ในเมืองไทยจนถึงวันที่ 13 พ.ค. 2557 จะเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา โดยอาตมาคิดถึงบ้านเกิดเป็นอย่างมาก พอทราบข่าวว่าพระอาจารย์ เจ้าอาวาสวัดรัตนาราม หรือวัดบางบ่อไม่สบาย อาตมาก็บินกลับเมืองไทยมาเยี่ยมอาจารย์เลย ในตอนที่สหรัฐอเมริกาก็อยู่สบายดี มีผู้สร้างสัดถวายที่แคลิฟอร์เนีย ที่ซานดิเอโก แต่เมืองที่อาตมาอยู่เป็นเมืองเล็ก ๆ เขาเรียกว่าเมืองเอสคอดิโด เป็นเขตของซานดิเอโก แต่ตัวอาตมาเองไปอยู่ทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนียอยู่ในป่าเร็กวู๊ดองค์เดียวรูปเดียวเขาเรียกว่าเครเซนชิสตี้เป็นเวลานับ 10 ปี โดยมีครอบครัวที่เป็นชาวอเมริกันเขาดูแลอยู่ เมื่อมีธุระหรือที่วัดมีงานการอะไร หรือวันสำคัญทางพุทธศาสนาวันวิสาขบูชา มาฆบูชา วันอาสาฬหบูชา วันปีใหม่ สงกรานต์ก็จะลงมาช่วย การอยูในป่าของอาตมาเป็นเรื่องธรรมดา โดยไปๆ มาๆ ระหว่างป่ากับวัด โดยลูกศิษย์ที่อยู่กับอาตมามาตั้งแต่เป็นสามเณรตอนนี้เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดดังกล่าว โดยมีพระสงฆ์อยู่ด้วยกัน 5-6 รูป นอกจากนั้นพระที่รู้จักกันผ่านไปมาก็จะแวะเยี่ยมเยียน เพราะที่วัดอากาศดี เย็นสบายมีป่ารอบ ๆ วัดเยอะ เพราะเป็นสวนเก่ามีเนื้อที่ประมาณ 13 เอเคอร์ซึ่งสะดวกสบายทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นปัญหา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก็ออกรับบิณฑบาตเอง แต่ตามปกติญาติโยมก็มาทำบุญทุกวันอาทิตย์ มีทั้งคนไทย คนลาว คนเขมร เวียดนามและโดยเฉพาะคนอเมริกันเองก็มาทำบุญและนั่งสมาธิภาวนา คนอเมริกันเขาสนใจเรื่องการภาวนา”
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากเดินทางกลับไปสหรัฐอเมริกาแล้วท่านคิดจะใช้ชีวิตที่อเมริกาตลอดไปหรือไม่ อดีตพระยันตระกล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องอนาคตยังตอบไม่ได้ แต่ก็คิดถึงบ้านเราถ้าโอกาสเป็นไปได้ก็คงได้กลับมาอยู่เมืองไทย กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอนและกลับไปที่วัดป่าสุญญตาราม ที่เขาเรียกบ้านเกริงกระเวีย เมืองกาญจนบุรีที่อาตมาเคยอยู่
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าสถานการณ์ด้านการเมืองของไทยที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ท่านอยากจะฝากรัฐบาลหรือผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอย่างไรบ้าง อดีตพระยันตระ หัวเราะและกล่าวว่าก็ติดตามอยู่ตลอด จึงขอให้รัฐบาลก็ดี ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องขอให้เห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมือง เห็นกับประชาชน ซึ่งประชาชนต้องอาศัยความอดทน และความอดทนจำเป็นต้องใช้กันทุกฝ่ายทุกคน อาตมาอยากจะฝากสั้น ๆ เรื่องความอดทนและความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มันเกิดขึ้นต้องอาศัยความเข้าใจและความอดทน ต้องอดทนกันให้มาก ๆ ถ้าไม่มีความอดทนจะลำบากจะเกิดความเดือดร้อนทั้งตัวเองและผู้อื่น เพราะถ้ามันเกิดทนไม่ได้คงเกิดเรื่องยุ่ง หากอดทนและเข้าใจปัญหาจะหมดไปเองในที่สุด เพราะทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปในที่สุด จึงขอฝากไว้เพียงเท่านี้แหระ อดีตพระบันตระกล่าวในที่สุด.
ไพฑูรย์ อินทศิลา-กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
24 เม.ย. 2557