วันที่ 21 เมษายน 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานประปาเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ได้มีประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาล ฯ และใช้บริการน้ำประปาของเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช จำนวนมากทยอยเดินทางนำบิลเรียกเก็บค่าน้ำประปามาจ่ายค้าใช้น้ำ แต่มีจำนวนหลายสิบรายที่ไม่พอใจบิลค่าน้ำประปาที่ออกซ้ำซ้อน อ้างว่าผู้ใช้ค้างจ่าย 1 เดือนบ้าง 2 เดือนบ้าง อีกทั้งค่าน้ำประปาที่เคยใช้ตามปกติเดือนละ 26-300 บาท กลับเพิ่มสูงขึ้นเป็นหลายร้อยบาทจนถึงเกือบ 1 แสนบาท จึงโวยวายสอบถามเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถชี้แจงให้กระจ่างได้ ผู้ใช้น้ำหลายสิบรายจึงบันดาลโทสะด่าทอผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในเทศบาลอย่างรุนแรง หลายรายถึงกับประกาศจะเผาศาลาเทศบาล ฯให้วอดวายไปเสียเลย
ผู้ใช้น้ำประปารายหนึ่งกล่าวว่ากว่า 3 เดือนแล้วที่ประชาชนผู้ใช้น้ำในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช และที่อาศัยอยู่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียงอีก 10 แห่งที่ใช้บริหารน้ำประปาเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ต้องประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค จากการที่น้ำประปาของเทศบาลนครนครศรีธรรมราชไม่ไหล ไหลค่อย และไม่สะอาดมีสีแดงขุ่นคลัก ติดต่อกันคราวละหลายวัน ผู้บริหารของเทศบาลนคร นครศรีธรรมราชนำโดย ผศ.เชาวน์ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนคร นครศรีธรรมราช ได้แถลงข่าวการแก้ไขปัญหาน้ำประปาอย่างเป็นทางการหลายครั้ง โดยเฉพาะอ้างแหล่งน้ำคลองท่าดี ที่จะนำมาใช้ผลิตน้ำประปาประสบปัญหาภัยแล้งจึงมีน้ำไม่เพียงพอ แต่จาการที่หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงตรวยจสอบพบว่าแหล่งน้ำดิบมีเพียงพอ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการไม่เตรียมการแก้ไขปัญหาล่วงหน้า และระบบการสูบผลิตที่ไม่มีความมั่นคงเพียงพอ
เครื่องสูบน้ำแบบมอเตอร์เทอบายน์ขนาดใหญ่จำนวน 4 เครื่อง สำหรับสูบที่ต้นน้ำ บริเวณสะพานท่าใหญ่ คลองท่าดี อ.ลานสกา เมื่อสูบน้ำขึ้นมาแล้วจะส่งน้ำผ่านระบบท่อ มายังโรงผลิตซึ่งอยู่ในตัวเมืองห่างจากแหล่งต้นน้ำมากถึงเกือบ 15 กม. ล่าสุดพบว่าเครื่องสูบชำรุดเสียหายพร้อมกันทั้ง 4 เครื่อง ในขณะที่ทางเทศบาลไม่มีการเตรียมการเรื่องระบบการสำรองฉุกเฉิน ที่ผ่านมาทำให้ระบบการผลิตและส่งจ่ายน้ำประปาของเทศบาล ฯมีปัญหามาตลอด ประชาชนหลายหมื่นครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ซึ่งการแก้ไขปัญหาของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ระดมรถบรรทุกน้ำและรถดับเพลิงขนน้ำจากหลุมบ่อดินใน ต.นาทราย มาป้อนเข้าระบบโดยไม่ผ่านกระบวนการและขั้นตอนการผลิตน้ำประปา แต่เข้าระบบการส่งจ่ายไปยังบ้านเรือนประชาชนโดยตรงทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ผ่านการควบคุมคุณภาพแม้แต่น้อย”
ผู้ใช้น้ำรายเดิมกล่าวอีกว่า ในขณะนี้ไม่ต้องพูดเรื่อง มาตรฐานความปลอดภัยของผู้บริโภคในการใช้น้ำประปาเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช แต่เทศบาล ฯกลับมาตอกย้ำการให้บริการที่สุดห่วย ด้วยการออกบิลเรียกเก็บค่าน้ำประปาที่ซ้ำซ้อน และราคาสูงกว่าปกติหลายพันเท่า สร้างความเดือดร้อนให้กับอย่าแสนสาหัส ผู้บริหารชี้แจงแบบเพ้อฝัน โกหกตอแหลไปวัน ๆ หลายครั้งที่ออกมายืนยันว่าแก้ปัญหาได้แล้ว จะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำประปาอีกต่อไป และจะพัฒนานครศรีธรรมราชให้เจริญรุ่งเรืองแทบเท่าสิงค์โปร์ ทั้ง ๆ ที่เรื่องง่าย ๆ ก็ยังไม่สามารถปฏิบัติได้จริงแม้แต่น้อย ตนอยากจะแนะนำให้ผู้บริหารเทศบาลนคร นครศรีธรรมราชบางคนหาเวลาว่างไปตรวจเช็คสมองเสียบ้าง เพราะดูแล้วมุมมองและวิสัยทัศน์ในการบริหารน่าจะไม่ปกติ
ส่วน ผศ.เชาวน์วัศน์ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ผมพยายามแก้ไขตลอดเวลาแต่มีปัญหาเครื่องสูบที่โรงสูบคลองท่าดี ชำรุดเสียหายอย่างต่อเนื่อง เครื่องสูบน้ำ 4 ตัวทยอยเสียเนื่องจากมีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี และเพิ่งรับรายงานจากเจ้าหน้าที่ หากเจ้าหน้าที่บอกล่วงหน้าก่อนถึงช่วงฤดูแล้วสัก 1-2 เดือนตนจะอนุมัจิจัดซื้อเครื่องสำรองได้ทัน ตอนนี้คงซื้อไม่ทันเพราะเจ้าหน้าที่เพิ่งบอก และเครื่องสูบมาเสียกะทันหันจริง ๆ ตอนนี้เดินเครื่องสูบน้ำได้ 1 ตัว และอีก 3 ตัวส่งซ่อมคาดว่าอีกประมาณ 2 เดือนจึงจะซ่อมแล้วเสร็จ เทศบาล ฯจะสั่งซื้อสำรองสัก 3 ตัว ๆ ละ 2.7 ล้าน หากเครื่องไหนเสียจะได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนได้ ในขณะนี้ยืนยันว่าน้ำดิบสำหรับผลิตประปามีเพียงพอแต่เครื่องสูบเสียเท่านั้นเอง
“ส่วนแผนในการแก้ไขปัญหานั้น นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ระบุว่านักลงทุนจากประเทศอิสราเอลกำลังเตรียมที่จะเข้ามาลงทุนจัดทำโครงการ ผลิตน้ำสำหรับป้อนให้การประปานครศรีธรรมราช ด้วยงบประมาณ 3,200 ล้านบาท โดยใช้พื้นที่ของเอกชนในตำบลช้างซ้าย อำเภอพระพรหม โดยปีแรกที่ดำเนินการนั้นจะซื้อน้ำดิบเข้ามาสู่การผลิตของการประปาเทศบาลนคร นครศรีธรรมราชเอง และในปีถัดไปเอกชนจะต้องผลิตน้ำเข้าสู่ระบบการจ่ายน้ำของเทศบาล ฯโดยตรงได้เลย และทั้งหมดเขากำลังจะเริ่มดำเนินการในปีหน้า ระยะเวลาการดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 ปี ผศ. เชาวน์วัศน์ เสนพงศ์ กล่าวในที่สุด
ในขณะที่อดีตข้าราชการผู้เชี่ยวชาญด้านการประปา ระดับผู้อำนวยการสำนักการประปา คนหนึ่ง กล่าวว่า นายกเทศมนตรีนคร นครศรีธรรมราช กำลังฝันกลางวัน เพราะการลงทุนขนาดใหญ่ของเอกชนไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่เขาจะลงทุนขนาดนั้น จากการตรวจสอบเอกชนรายดังกล่าวยังไม่ได้ตกลงอะไรใด ๆ เลยที่จะเข้ามาลงทุนดำเนินการจริงหรือไม่ เขาเพียงแค่มาพูดคุยและเสนอโครงการกับทางเทศบาล ฯเท่านั้น ซึ่งการลงทุนของเอกชนย่อมที่จะหวังผลกำไรในการขายน้ำ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาน้ำประปาที่แพงเพิ่มมากขึ้น ในสมัยผู้บริหารชุดเก่าเก็บค่าน้ำประปาถูกที่สุดในประเทศไทยหน่วยละ 2 บาท แต่เมื่อผู้บริหารชุดนี้เข้ามาบริหาร 3 ปี เพิ่มค่าน้ำประปาเป็นหน่วยละ 4 บาท เพราะต้องการรายได้เข้าเทศบาล ฯให้สูงขึ้น หากดูราคาค่าน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาค ที่เรียกเก็บในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชอยู่ในหน่วยละ 18 บาท
“และหากเอกชนเขาเข้ามาลงทุน 3,200 ล้านบาทจริง ๆ เขาคิดแล้วว่าเขาจะมีจุดคุ้มทุนภายใน 1 ปี ถามว่าเขาจะเก็บค่าน้ำประปาหน่วยละเท่าไหร่ ภาระค่าน้ำประปาที่เพิ่มขึ้นผู้บริโภคเป็นผู้รับผิดชอบหรือไม่ และก่อสร้างต้องผ่านกระบวนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงผลกระทบต่อสุขภาพของชุมชนเนื่องจากการสร้างแหล่งน้ำขนาดใหญ่ต้องขุด ดินมหาศาลในพื้นที่เป้าหมาย การวางท่อ การสร้างโรงผลิตน้ำ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบกับชุมชน เทศบาล ฯได้สอบถามความคิดเห็นจากประชาชนบ้างแล้วหรือยังว่าเขาพร้อมและต้องการหรือไม่ ที่สำคัญหากเอกชนตัดสินใจที่จะลงทุนจริง ๆ ต้องผ่านกระบวนการการทำ EIA. และ EHIA. ซึ่งในเบื้องต้นการดำเนินการกว่าจะเริ่มลงมือก่อสร้าง 4 ปีไม่เสร็จแน่นอน ดังนั้นที่นายกเทศมนตรีบอกว่า 1 ปีจะเริ่มดำเนินการและแล้วเสร็จนั้น ตนมองว่ายิ่งกว่าฝันกลางวันเสียอีก”
ในขณะที่นายสุรโรจน์ นวลมังสอ คณะทำงานผลักดันพระบรมธาตุสู่มรดกโลก และอดีตรองนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ผู้บริหารเทศบาลนคร นครศรีธรรมราชชุดก่อน ๆ บริหารเทศบาล ฯมายาวนานกว่า 30 ปี ไม่เคยประสบปัญหาเรื่องน้ำประปาขาดแคลนเลย หากเมืองนครศรีธรรมราชขาดแคลนแหล่งน้ำดิบผลิตน้ำประปา เชื่อว่าทุกจังหวัดในประเทศไทยจะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรงแน่นอน
ปัญหาน้ำประปาเทศบาลนคร นครศรีธรรมราชที่เกิดขึ้นสร้างความเดือดร้อนและส่งผลกระทบต่อวิถีการดำรงชีวิตและระบบเศรษฐกิจในภาพรวมยาวนานกว่า 3 เดือน มันไม่ใช่เกิดจากพื้นที่ประสบภัยแล้งจนทำให้ขาดแหล่งน้ำดิบนำมาผลิตน้ำประปาเหมือนที่ผู้บริหารเทศบาล ฯพยายามกล่าวอ้าง และไม่ใช่อยู่ที่ลูกน้องรายงานปัญหาต่าง ๆ ให้ทราบล่าช้า แต่ปัญหาหลักจริงๆ มันอยู่ที่ วิสัยทัศน์ แนวคิดและพันธกิจ ในการบริหารจัดการของผู้รับผิดชอบต่างหาก” นายสุรโรจน์ กล่าวในที่สุด.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์/นครศรีธรรมราช
21 เม.ย. 2557