เมื่อเวลา 18.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการเล่าลือกันกว้างขวางตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2557 ได้ประชาชนจำนวนมากได้เดินทางกราบไหว้นายวินัย ละอองสุวรรณอดีตหรือพระยันตระ ที่บ้านบางบ่อ ใกล้วัดรัตนาราม ต.ปากพนังฝั่งตะวันออก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จนเป็นที่วิพากวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่าอดีตพระยันตระเดินทางกลับเข้าประเทศไทยได้อย่างไร เพราะถูกฟ้องร้องหลายคดีและถูกตั้งอธิกรณ์ว่าล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิอาบัติ อันเป็นหนึ่งในจตุตถปาราชิอาบัติที่ทำให้ขาดจากความเป็นพระภิกษุตามพระวินัย บัญญัติ โดยมีการต่อสู้ด้วยพยานหลักฐานมากมายตามสื่อต่าง ๆ เป็นข่าวโด่งดังในสมัยนั้นจนในที่สุดท่านได้ถูกมติมหาเถรสมาคมพิจารณาอธิกรณ์ปรับให้ท่านพ้นจาก ความเป็นพระภิกษุ เพราะพิจารณาได้ความว่าท่านต้องอาบัติหนักดังที่ถูกฟ้องร้อง แต่นายวินัยไม่ยอมรับมติสงฆ์ดังกล่าว ด้วยการปฏิญาณตนว่ายังเป็นพระภิกษุและเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีเขียว
โดยมีคนในแวดวงพระเครื่องและประชาชนทั่วไปที่เดินทางไปกราบไหว้อดีตพระยันตระที่บ้านบางบ่อ อ.ปากพนัง ได้ถ่ายภาพอดีตพระยันตระที่ห้อมล้อด้วยบรรดาสาวกทั้งที่เป็นฆราวาสและแต่งกายคล้ายพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง โดยพบว่าอดีตพระยันตระห่มจีจรสีเปลือกมังคุดไว้ด้านในและมีจีวรสีเขียวห่มทับอีกชั้นหนึ่ง โดยไว้ผมและหนวดเคราสีขาวรกรุกรัง โดยมีประชาชนที่ทราบข่าวทยอยเดินทางไปกราบไหว้อดีตพระยันตระอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพระภิกษุที่อดีตเคยใกล้ชิดและเคารพศรัทธาอดีตพระยันตระเดินทางไปกราบไหว้อดีตพระยันตระด้วย
ผู้สื่อข่าวจึงตรวจสอบไปยังชาวบ้านใน ต.บางบ่อ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านเกิดของอดีตพระยันตระ ได้รับการยืนยันว่าอดีตพระยันตระพร้อมสาวกจำนวนกว่า 10 คนได้เดินทางมาที่บ้านเกิดตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา แต่ในขณะนี้ได้เดินทางออกจาก อ.ปากพนัง ไปหลายวันแล้วโดยมีเป้าหมายที่จะเดินทางไปพักนักใน จ.สงขลา และ จ.ภูเก็ต โดยในเรื่องการเข้าเมืองนั้นการพูดกันในวงในว่าเดินทางกลับเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากคดีความต่าง ๆ ผ่านมา 20 ปีเศษแล้ว คดีจึงหมดอายุความหมดแล้ว ซึ่งในขณะนี้คาดว่าคณะของอดีตพระยันตระน่าจะพำนักอยู่ในที่สักแห่งใน จ.สงขลา หรือ จ.ภูเก็ต.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
22 เม.ย. 2557