(6 เม.ย.) ที่ศาลาโรงธรรมวัดใหญ่ชัยมงคล ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายพิสุทธิ์ เจริญฤทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนประสานงานพื้นที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 8 เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมแกนนำโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชนเฝ้าระวังสูงสุด โดยมีแกนนำภาคประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เป็น อส.ตร.สภ.เมือง ประกอบด้วย ชุดปฏิบัติการเทวบุรี อส.ตร.ชุมชนบุญพาสันติและ อส.ตร. ต.นาเคียน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ทั้งชายและหญิงเข้ารับอบรมจำนวน 40 คน โดยมี ร.ต.ท.สุภาพ ยอดระบำ หัวหน้าชุดรณรงค์ป้องกันยาเสพติด กก.ตชด.ที่ 42 ค่ายศรีนครินทรา นำคณะวิทยากร กก.ตชด.42 และจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 8 มาร่วมให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรม
นายพิสุทธิ์ เจริญฤทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนประสานงานพื้นที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 8 เปิดเผยว่า จากการที่ ปปส.ได้เปิดเผยข้อมูลหมู่บ้าน/ชุมชนที่มีปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดรุนแรง พร้อมจัดลำดับชุมชนที่ต้องเฝ้าระวังสูงสุดระดับประเทศ จำนวน 50 ชุมชน โดยในส่วนของภาค 8 มี 5 ชุมชน ซึ่ง 3 ใน 5 เป็นหมู่บ้านและชุมชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบด้วย ชุมชนมะขามชุม เทศบาลนครนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช หมู่บ้านปากน้ำปากนคร หมู่ที่ 1 ต.ปากนคร และ บ้านนางพระยา หมู่ที่ 3 ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช ในส่วนของหมู่ 1 และหมู่ 3 ต.ปากนคร ทาง ปปส. ภาค 8 แต่งตั้งคณะทำงานประสานการปฏิบัติพื้นที่ จัดชุดปฏิบัติการจิตวิทยามวลชน เพื่อออกปฏิบัติงานเพื่อสร้างความเข้าใจกับคนใน ในพื้นที่เป้าหมาย รวมทั้งการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด พร้อมทั้งมีการค้นหาแกนนำหมู่บ้าน/ชุมชนเพื่อร่วมกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมทั้งการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหมู่บ้าน/ชุมชนของตนเอง ซึ่งได้ปฏิบัติการตามขั้นตอนเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังติดตามผล
“เหลือชุมชนมะขามชุม ซึ่งเป็นชุมชนในเขตเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช และมีปัญหามากกว่า 2 หมู่บ้านใน ต.ปากนคร เนื่องจากคนในชุมชนทั้งที่เป็นคณะกรรมการชุมชนและประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ จึงไม่สามารถแต่งตั้งสมัชชาแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชนรวมทั้งคณะทำงานประสานการปฏิบัติพื้นที่ได้ ก่อนหน้านี้ทาง ปปส.ภาค 8 พร้อมตำรวจ สภ.เมือง ตำรวจตระเวนชายแดนได้ทำการปิดล้อม ตรวจค้นจับกุมผู้เสพ ผู้ค้ายาในชุมชนมะขามชุมมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่พบว่าปัญหาว่าผู้ค้า ผู้เสพไม่ได้ลดลงและยังการแพร่ระบาดของยาเสพติดรุนแรง ทาง ปปส.ภาค 8 จึงต้องเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการในการแก้ปัญหาโดยการใช้จิตวิทยามวลชน โดยใช้แกนนำจากชุมชนใกล้เคียงอื่น ๆ มาร่วมปฏิบัติการ หลังจากผ่านการฝึกอบรมแกนนำแล้วภาคประชาชนทั้งหมดจะลงพื้นที่สร้างความสัมพันธ์ ความรักความสามัคคี ความไว้วางใจและหาแนวร่วมในชุมชน เพื่อขยายผลเป็นแกนนำในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนมะขามชุม กำหนดเป้าหมายผู้ค้า ผู้เสพให้ชัดเจนก่อนเข้าปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมดำเนินคดี หลังจากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน พร้อมเฝ้าระวังติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป”
นายพิสุทธิ์ เจริญฤทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนประสานงานพื้นที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 8 กล่าวอีกว่าจากการอบรมแกนนำ ฯผู้ที่เขาร่วมอบรมได้แสดงความคิดเห็นสะท้อนถึงปัญหาและอุปสรรคในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ที่จะนำไปปรับปรุงแก้ไขให้การปฏิบัติงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะปัญหาการมุ่งเน้นจับกุมพืชกระท่อมมากเกินไป โดยไม่มีการแยกแยะกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ทำให้ให้ผู้ครอบครอง ผู้เสพพืชกระท่อมตามวิถีชีวิตเดิม ๆ ถูกจับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดไปด้วย ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนกลุ่มนี้และนำมาสู่การไม่ให้ความร่วมมือ ต่อต้าน ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ กลายเป็นการทำลายมวลชนและเกิดช่องว่างที่ทำให้ยาเสพติดร้ายแรงอื่น ๆ ทั้งยาบ้า ยาไอซ์ กัญชา สอดแทรกเข้ามาระบาดในพื้นที่มากขึ้น
“ทาง ปปส.จึงมีนโยบายในทางปฏิบัติในการจับกุมคดีพืชกระท่อมให้เจ้าหน้าที่พิจารณาเป็นราย ๆ ไป หากเป็นการกระทำเพื่อการค้า การนำไปแปรรูป ก็ให้จับกุมดำเนินคดีอย่างเด็ดชาด แต่ในกรณีที่เป็นคนเฒ่า คนแก่ ครอบครองพืชกระท่อมเพื่อเสพตามวิถีดั่งเดิมก็ไม่ควรจับกุมดำเนินคดี โดยต่อไปในรายงานการจับกุมคดียาเสพติดที่จะมีการพิจารณาความดีความชอบหากการจับกุมใน 100 เปอร์เซ็นต์ไม่มีการจับกุมยาเสพติดร้ายแรงอื่น ๆ รวมอยู่ด้วย 30-40 เปอร์เซ็นต์ จะไม่ถือว่าเป็นผลงานที่จะได้รับการพิจารณาความดีความชอบ ซึ่งทาง ปปส.ได้ทำความเข้าใจในเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่มีอำนาจจับกุมเรียบร้อยแล้ว” นายพิสุทธิ์ เจริญฤทธิ์ กล่าวในที่สุด.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
6 เม.ย. 2557