จากกรณีที่นายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ออกเปิดเผยว่า นายเสกสันต์ นาคกลัด ราษฏรในพื้นที่ ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าไปขุดมูลค้างคาว ในถ้ำบนเขาพลีเมือง และได้ขุดค้นพบศิวลึงค์ทองคำ 2 องค์ ซึ่งขุดค้นพบจากถ้ำบนเขาพลีเมือง ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช จากการประเมินอายุและลักษณะของศิวลึงค์ เป็นแบบประเพณีนิยมอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 12 หรือมีอายุกว่า 1, 000 ปี จนสร้างความแตกตื่นฮือฮาให้กับนักประวัติศาสตร์ นักการศาสนาและประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยล่าสุดได้มีการเปิดเผยข้อเท็จจริงของการพบศิวลึงค์ทองคำดังกล่าวถึง 4 องค์ ไม่ใช่แค่ 2 องค์ตามที่เป็นข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 30 มี.ค. 2557 ว่านายพิทักษ์ บริพิศ นายอำเภอสิชล นายไมตรี ดำแก้ว รองนายก อบต.สิชล นายสุรินทร์ ชลสินธ์ รองประธาน อบต.สิชล พระอธิการถาวร ถาวโร เจ้าอาวาสวัดจอมทอง พร้อมด้วยนายไสว จิตสว่าง อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102/3 หมู่ 2 ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และนายเดชา หัสถี อายุ 57 ปี อยู้บ้านเลขที่ 38/3 หมู่ 2 ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช แกนนำชาวบ้านที่ชำนาญเส้นทางเป็นคนนำทางขึ้นภูเขาทุ่งพลีเมือง ได้เดินทางขึ้นไปตรวจสอบถ้ำที่พบศิวลึงค์ทองคำ โดยบนภูเขาดังกล่าวมีถ้ำรายล้อมมากกว่า 20 แห่ง ซึ่งแห่งแรกชาวบ้านเรียกว่า “ถ้ำจอมทอง” ต้องขึ้นบันใดปูน 205 ขั้น ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 20 นาที จนถึงถ้ำขนาดความกว้าง 5 เมตร สูงกว่า 15 เมตร มีพระพุทธรูปปางยืนห้ามมารสูงประมาณ 5 เมตร และมีพระนอนหรือปางไสยาสน์ยาวประมาณ 12 เมตรขนาบไปกับผนังถ้ำ พระพุทธรูปทั้งสององค์เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนมีอายุหลายร้อยปี
หลังจากนั้นคณะได้เดินกลับลงมาและอ้อมไปยังอีกฝั่งหนึ่งของถ้ำจอมทอง เรียกว่า “ถ้ำค้างคาว” ซึ่งเป็นถ้ำที่พบศิวลึงค์ทองคำ 4 องค์ ปากถ้ำกว้างประมาณ 5 เมตร ลึก 10 เมตร พื้นถ้ำเต็มไปด้วยมูลค้างคาว แต่เนื่องจากเวลาใกล้ค่ำจึงยังไม่เดินทางเข้าไปสำรวจตรวจสอบภายในถ้ำอย่างละเอียด จึงพากันเดินกลับลงมาและจะขึ้นไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
นายไสว จิตสว่าง และนายเดชา หัสถี ร่วมกันกล่าวว่าภูเขาในบริเวณนี้เป็นภูเขาขนาดเล็กมีเรียงรายอยู่หลายลูก โดยตั้งอยู่เขตรอยต่อหมู่ 2 กับหมู่ 6 ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีถ้ำกระจายอยู่มากกว่า 20 แห่ง แต่ละแห่งมีโบราณวัตถุเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่พระพุทธรูปหลายขนาดปางต่าง ๆ กระดูกมนุษย์ เป็นต้น บางแห่งภายในถ้ำเป็นลานกว้าง มีแท่นหินวางเป็นจุด ๆ เหมือนเป็นที่นั่งในการประกอบพิธีกรรมบางอย่าง ตนทั้งสองจะเข้าไปในถ้ำเพื่อนั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบโดยไม่กล้าเตะต้องโบราณวัตถุหรือสิ่งของมีค่าภายในถ้ำเลย เพราะเกรงกลัวอาถรรพ์เร้นลับที่จะส่งผลต่อตัวเองและครอบครัวได้ เพราะตนทั้งสองได้พบเจอเรื่องราวปาฏิหาริย์เหลือเชื่อมากมาย จึงเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้จะต้องเป็นชุมชนหรือเมืองโบราณมาก่อนอย่างแน่นอน และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแลคุ้มครองอยู่
นายพิทักษ์ บริพิศ นายอำเภอสิชล กล่าวว่า การค้นพบศิวลึงค์ทองคำ 4 องค์ภายในภูเขาทุ่งเขาพลีเมือง นับเป็นความภาคภูมิใจของชาว อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ที่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สามารถยืนยันได้ถึงความเป็นเมืองเก่าแก่ มีการรวมกันอยู่ของมนุษย์มานานกว่า 1,000 ปี ตนจะทำรายงานถึงนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และประสานงานกับกรมศิลปากรเพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งศึกษาประวัติที่สำคัญของชาติ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อย่างจริงจังต่อไป
“สำหรับศิวลึงค์ที่พบ 4 องค์แต่ถูกเปิดเผยเพียง 2 องค์นั้น โดยส่วนตัวคิดว่าอีก 2 องค์ที่อยู่ที่นักวิชาการคนหนึ่ง รวมทั้งอยู่ที่ข้าราชการซึ่งเป็นญาติของเสกสันต์ นาคกลัด ซึ่งเท่าที่ทราบบุคคลทั้งสองเป็นนักอนุรักษ์เช่นกันจึงเชื่อว่าทั้งสองทราบดีว่าศิวลึงค์ที่อยู่ในครอบครองเป็นสมบัติของแผ่นดินที่สำคัญมาก ๆ คงจะให้ความร่วมมือละนำมามอบให้กับทางราชการเพื่อเก็บรักษาไว้ให้เยาวชนคนรุ่นหลังได้ชมและศึกษาความเป็นมาต่องกรมศิลปากรจะมีค่าตอบแทนให้ตามระเบียบของทางราชการตามสมควร ในเบื้องต้นจะร่วมกับ อบต.สิชล กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในพื้นที่เพื่อขัดเวรยามมาดูแลพื้นที่ทั้งหมด ป้องกันผู้ไม่หวังวดีที่อาจจะลักลอบเข้ามาขุดคุ้ยหาของมีค่าเนื่องจากเข้าใจนอกจากศิวลึงค์ทองคำที่พบ 4 องค์แล้วจะต้องมีสิ่งของมีค่าตามถ้ำต่าง ๆ มากกว่านี้”
ในขณะที่นายไมตรี คำแก้ว รองนายก อบต.สิชล กล่าวว่า ทาง อบต.สิชล พร้อมที่จะร่วมมือกับทางอำเภอ จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งศึกษาประวัติศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยว โดยเชื่อว่าในอนาคตพื้นที่จะได้รับความสนใจจากนักโบราฯคดีและนักท่องเที่ยวจำนวนมากอย่างแน่นอน ส่วนกรณีศิวลึงค์อีก 2 องค์ ทางคณะผู้บริหาร อบต.สิชล จะร่วมกับนายอำเภอสิชล ไปเจรจาเพื่อขอศิวลึงค์คืนเป็นสมบัติส่วนรวม ซึ่งเทาที่ได้มีการพูดคุยเบื้องต้นเชื่อว่าไม่มีปัญหาแต่อย่างใด โดยจะรอนายเสกสันต์ นาคกลัด ผู้พบศิวลึงค์เดินทางกลับจากกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมกันไปเจรจาขอคืนศิวลึงค์ทั้ง 2 องค์อย่างเป็นทางการต่อไป
นายอาณัติ บำรุงวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 (นครศรีธรรมราช) กล่าวว่า ดีใจแทนคนนครศรีธรรมราช ทราบข่าวว่าพบศิวลึงค์อีก 2 องค์ ซึ่งคงไม่ยากที่จะตามหากลับคืนมาได้ คนนครศรีธรรมราชจะต้องได้สมบัติชาติที่สำคัญกลับคืนมา มันเป็นเรื่องที่ประเมินคุณค่าไม่ได้
ทางด้าน ดร.กีร์รัตน์ สงวนไทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวว่า ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ได้มอบหมายให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือ อาศรมวลัยลักษณ์เข้าไปตรวจสอบเรื่องที่เกี่ยวข้อง โดยทางอาศรมวัฒนธรรมจะมีผู้ที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้พอจะทราบเรื่องที่เกิดขึ้นบ้าง ซึ่งทาง มวล.ทราบเพียงแต่ข่าวทางสื่อมวลชนเท่านั้น ส่วนการดูแลหรือขุดคุ้ยน่าจะเป็นเรื่องของศิลปากรโดยตรง
ในส่วนของบทบาทของ มวล.ซึ่งเป็นสายวิชาการโดยตรงจะต้องเข้าไปสืบเสาะความเป็นไปเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของเมืองนครศรีธรรมราชว่าในช่วงกว่า 1,00 ปีที่ผ่านมานั้นเกิดอะไรขึ้นมาบ้างและเกี่ยวข้องกับเมืองนครศรีธรรมราช อย่างไร หรือสืบสาวไปถึงความเจริญของบ้านเมืองในยุคก่อน ตนเชื่อว่าสิ่งของที่มีค่าสมบัติของแผ่นดินแต่ละชิ้นจะบ่งบอกถึงวัฒนธรรมประเพณีของบ้านเมืองในแต่ละยุคได้อย่างแน่นอน ซึ่งคงมอบหมายให้อาศรมวัฒนธรรมเข้าไปดูแลในเรื่องนี้.
ไพฑูรย์ อินทศิลา/สายัณฆ์ ศรีใหม่ /นครศรีธรรมราช
29 มี.ค. 2557