(22 มี.ค.)ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราชมากเล่าลือถึงปรากฏการณ์ที่มีการสรุปเรียกกันเองว่า “ฟ้าแยกสี” ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคว่ำการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 เป็นโมฆะ โดยมีชาวบ้านใน อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราชหลายรายสามารถใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพฟ้าแยกสีเอาไว้ได้ หลังเชื่อว่าเป็นลางร้ายหรืออาเพศร้ายแรงอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมือง และส่งผลให้ประชาชนเกิดความแตกแยกทางด้านความคิดออกเป็น 2 ฝ่าย จนเกิดการเผชิญหน้ากันโดยทีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการตรวจสอบพบว่ามีการนำภาพถ่ายฟ้าแยกสีดังกล่าวไปโพสต์ในเฟซบุ๊ค ของผู้ที่ใช้ชื่อว่า “Aod Aod” พร้อมมีข้อความระบุว่า “ภาพนี้ไม่ตัดต่อถ่ายเองกะมือ สังคมเปลี่ยน ท้องฟ้าเปลี่ยนตอบรับความไม่ถูกต้อง ธรรมชาติเลยเเบ่งให้....ที่นครศรีธรรมราช 17.40 น.” อย่างไรก็ตามมีการเข้าไปแสดงความคิดเห็นและแชร์ออกไปน้อยมาก เนื่องจากเฟซบุ๊คดังกล่าวมีเพื่อนแค่ 22 คนเท่านั้น แต่จากการสอบถามชาวบ้านหลายรายที่เห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยพบเห็นปรากฏการณ์ฟ้าแยกชัดเจนในลักษณะนี้มาก่อน

โดยนายแนบ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 80 ปี กล่าวว่า แม้ตนจะอายุมากแล้วแต่ยังติดตามสถานการณ์ในทางการเมืองมาโดยตลอด พบว่าบ้านเมืองกำลังเข้าสู่จุดวิกฤติเนื่องจากความขัดแย้งทางความคิดเรื่องการเมือง นำมาสู่ความแตกแยกของประชาชนในประเทศอย่างกว้างขวางและที่ยากจะแก้ไข โดยเฉพาะในจังหวัดนครศรีธรรมราช หากใครมีความคิดเห็นหรือพูดขัดแย้งกับแนวทางของตัวเองก็จะถูกมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นศัตรูที่จะไม่ข้องแขวะ ไม่คบค้าสมาคมด้วยทันที ปรากฏการณ์ฟ้าแยกสีในลักษณะนี้พบได้ยากมาก ตามปกติหากเป็นสีแดงก็จะเป็นสีแดงทั้งหมด แม้แต่เหตุการณ์ตอนมหาวาตภัยแหลมตะลุมพุก เมื่อปี 2505 ท้องฟ้าจะมีสีแดงแต่จะไม่สีออกจากกันชัดเจนเหมือนในครั้งนี้
“ตนคิดถึง 10 คำทำนาย " มหากาฬ พาลยักษ์ รักมิตร สนิทธรรม จำแขนขาด ราษฎร์จน ชนร้องทุกข์ ยุคทมิฬ ถิ่นตาขาว ชาววิไล "ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ซึ่งหมายถึง 10 ยุคของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะในยุคนี้ตรงกับยุค “ถิ่นกาขาว” หมายถึงการเปิดประเทศติดต่อสัมพันธไมตรีกับฝรั่งต่างชาติ ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หรือที่คนไทยทั่วไปมักจะเรียกว่า “ฝรั่งตาน้ำข้าว หรือฝั่งตาขาว” เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อวิถีการดำรงชีวิตของคนไทยที่จะหันนิยมของนอก มีการใช้จ่ายที่เกินตัว ฟุ้งเฟ้อ เห่อเหิม อยากได้อะไรเป็นต้องได้ ขนาดลงทุนเป็นหนี้เป็นสินเขาดอกเบี้ยสูงขนาดไหนก็เอา เห็นผิดเป็นชอบ เห็นดำเป็นขาว เหมือนอีกาที่ขนดำก็อยากจะทำให้มันขาว เมืองไทยถึงเป็น "ถิ่นกาขาว" หรือ"ถิ่นตาขาว" ส่งผลให้บ้านเมืองมีปัญหาวุ่นวายอย่างที่เห็น”
นายแนบ กล่าวอีกว่า ยุคต่อไปเป็นยุคที่ 10 ที่คำทำนายระบุว่าเป็นยุค “ชาวศิวิไลซ์” หมายถึงยุคที่ ๑๐ ซึ่งยังมาไม่ถึง มีผู้ตีความกันต่าง ๆ นานา ส่วนใหญ่ระบุว่าจะเป็นยุคของความเจริญรุ่งเรือง สงบสุขร่มเย็น ประเทศจะต้องเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า มั่นคงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ประชาชนจะอยู่ร่วมกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุข หน้าชื่นตาบานกันทุกถ้วนหน้า จะจริงเท็จประการใด กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ.
ไพฑูรย์ อินทศิลา /กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ /นครศรีธรรมราช
22 มี.ค. 2557