สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ว่านายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงเมื่อวันศุกร์ หลังเสร็จสิ้นการหารือยาวนานร่วม 6 ชั่วโมงกับนายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ในประเด็นหลักเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในยูเครน ว่าทั้งสองฝ่ายยังคงไม่เห็นพ้องกันในภาพรวม แต่ยอมรับเป็นการหารือที่สร้างสรรค์
ต่อข้อซักถามเกี่ยวกับท่าทีในอนาคตของมอสโกหลังภูมิภาคไครเมียจัดการลงประชามติในวันที่ 16 มี.ค. ซึ่งมีแนวโน้มสูงจะนำไปสู่การแยกตัวออกเป็นเอกราช ก่อนขอรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ลาฟรอฟกล่าวเป็นนัยว่า ไครเมียมีความสำคัญต่อรัสเซียในระดับเดียวกับที่อังกฤษมีต่อหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ ซึ่งยังคงเป็นชนวนให้เกิดการพิพาทเป็นระยะกับอาร์เจนตินา พร้อมกล่าวย้ำอีกครั้งว่า มอสโกไม่มีนโยบายแทรกแซงทางทหารในไครเมียและภาคตะวันออกของยูเครน ส่วนมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของตะวันตกนำโดยสหรัฐ ไม่มีประโยชน์และมีความเสี่ยงสูงที่ผลลัพธ์จะออกมาในทาง "ตรงกันข้าม"

ด้านแคร์รีกล่าวว่า สหรัฐและพันธมิตรไม่มีทางยอมรับผลการลงประชามติของชาวไครเมียในวันอาทิตย์นี้ และยืนยันจะเดินหน้ามาตรการกดดันที่รวมถึงการใช้นโยบายคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อไป เนื่องจากชั่งน้ำหนักแล้วว่า เป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ ขณะที่นายวิลเลียม เฮก รมว.กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการหารือในครั้งนี้ กล่าวแสดงความผิดหวังอย่างรุนแรง ที่สหรัฐกับรัสเซียไม่สามารถตกลงกันได้
นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เผยได้โทรศัพท์สายตรงไปยังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เพื่อขอให้รัสเซียหันหน้ามาเจรจากับยูเครน นอกจากนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) มีกำหนดลงมติเรื่องการแสดงบทบาทเกี่ยวกับการลงประชามติของไครเมีย แต่ทุกฝ่ายมองว่ายากที่จะผ่าน เนื่องจากรัสเซียต้องใช้สิทธิ์คัดค้านแน่นอน
ที่มา : www.dailynews.co.th/Content/foreign/223039/มหาอำนาจหารือแก้วิฤกตยูเครนล่มไม่เป็นท่า