สทบ. เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการกองทุนต้นไม้ร่วมพัฒนาทั่วประเทศชวนชาวใต้ ปลูกไม้เศรษฐกิจ
ชูแนวคิดสร้างอาชีพ-รายได้แก่เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน
สํานักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการกองทุนต้นไม้ร่วมพัฒนา โดยผนึกความร่วมมือภาคีเครือข่าย 6 องค์กร ประกอบด้วย กรมป่าไม้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) เพื่อส่งเสริมสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชนในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ยั่งยืน ภายใต้แนวคิด ต้นไม้ยั่งยืน กองทุนมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง ล่าสุดลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มอบกล้าไม้มีค่าแก่ผู้แทนสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จำนวน 5,000 ต้นกล้า ในโครงการกองทุนต้นไม้ : เปิดปฏิบัติการกองทุนกล้าไม้ภาคใต้ พร้อมเชิญชวนสมาชิกกองทุนฯ และประชาชนร่วมลงทะเบียนเพื่อเข้าอบรมจากหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และประธานการดำเนินโครงการฯ กล่าวว่าการดำเนินการเปิดปฏิบัติการกองทุนกล้าไม้ในภาคใต้ในวันนี้เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากการเปิดปฏิบัติการในการขับเคลื่อน “โครงการกองทุนต้นไม้ร่วมพัฒนา ภายใต้แนวคิด “ต้นไม้ยั่งยืน กองทุนมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง” โดยนำร่องที่จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการผนึกความร่วมมือภาคีเครือข่าย 7 องค์กร ประกอบด้วย กรมป่าไม้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) เพื่อส่งเสริมสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ และประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน ในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ยั่งยืน โดยในวันนี้เป็นการขับเคลื่อนโครงการกองทุนต้นไม้ร่วมพัฒนา : เปิดปฏิบัติการกองทุนกล้าไม้ในภาคใต้ โดยเตรียมมอบกล้าไม้มีค่าแก่ผู้แทนสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองในจังหวัดนครศรีธรรมราชจำนวน 5,000 ต้น ประกอบด้วย ตะเคียนทอง 1,000 ต้น สะเดาเทียม 1,000 ต้น สักทอง 800 ต้น ยางนา 700 ต้น พยอม 700 ต้น มะค่า 400 ต้น สะตอ 200 ต้น มะม่วงหิมพานต์ 200 ต้น ต้นประ 200 ต้น ต้นธัมมัง 100 ต้น ไผ่รวก 100 ต้น และขี้เหล็ก 50 ต้น
“โครงการกองทุนต้นไม้ร่วมพัฒนา” เป็นโครงการที่ให้สมาชิกกองทุนฯ ได้มีส่วนร่วมในการเพิ่มพื้นป่าประเทศไทยให้มีความอุดมสมบูรณ์ ด้วยทางกองทุนหมู่บ้านฯ มีสมาชิกกองทุนฯ ทั่วประเทศกว่า 10 ล้านคน ที่จะเป็นกำลังในการปลูกต้นไม้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่า รวมถึงยังเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่สมาชิกกองทุนฯ และประชาชนในพื้นที่อีกด้วย นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กล่าวในที่สุด
นายนที ขลิบทอง ผู้อํานวยการสํานักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนเป็นองค์กรภาคประชาชนที่ก่อตั้งมา 18 ปี มีการตั้งกองทุนฯ รวมกว่า 70,000 กองทุนทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการปลูกต้นไม้ผ่านโครงการกองทุนต้นไม้ร่วมพัฒนา ภายใต้แนวคิด ต้นไม้ยั่งยืน กองทุนมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง ให้เต็มแผ่นดินให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นการสร้างสินทรัพย์แผ่นดิน คือ ต้นไม้
โดยนอกจาก “ต้นไม้” จะสามารถเพิ่มมูลค่าสร้างรายได้แล้ว ยังสามารถขยายไปสู่การเป็นสินทรัพย์ และสามารถนำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างงาน และรายได้ อาทิ อาชีพในการเพาะกล้าไม้ ทำเรือนเพาะชำ ซึ่งเป็นการส่งเสริมอาชีพและส่งเสริมรายได้ให้กับสมาชิกกองทุนฯ และประชาชนในหมู่บ้านและชุมชน
สทบ. ได้ผนึกความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ในเบื้องต้น ทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษาและสถาบันการเงิน ใน 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ การอบรมให้ความรู้ตามความเชี่ยวชาญและบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานภาคที่เกี่ยวข้อง การสนับสนุนการดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องำกับการปลูกต้นไม้ของกองทุนหมู่บ้านฯ ผ่านโครงการตามแนวทางประชารัฐ และการรณรงค์เพื่อสร้างความร่วมมือและการสนับสนุนการดำเนินการจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐ เอกชน หรือภาคประชาชน
“ทั้งนี้ทาง สทบ. ขอประชาสัมพันธ์และเปิดรับข้อมูลความต้องการของสมาชิกกองทุนฯ ทั่วประเทศ โดยสามารถเข้ามาลงทะเบียนได้ที่ http://smartiotdevice.ddns.net:1234/Web/register.htm โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. ผู้ต้องการปลูกต้นไม้ สามารถระบุความต้องการกล้าไม้ เพื่อทางกองทุนฯ จะได้จัดเตรียม และ 2. ผู้ทำกล้าไม้ ที่สร้างเป็นศูนย์เพาะชำกล้าไม้ เพื่อบริการแก่สมาชิกต่อไป โดยในวันที่ 25 กรกฎาคม 2563 ซึ่งเป็นวันขึ้นปีที่ 20 ของกองทุนหมู่บ้านฯ จะได้เชิญชวนให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ” เจ็ดหมื่นกว่ากองทุนทั่วประเทศ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ เพื่อสร้างสินทรัพย์ และความอุดมสมบูรณ์ให้กับแผ่นดินร่วมกัน นายนที ขลิบทอง กล่าวเพิ่มเติม