(7 พ.ย.61)ที่ห้องประชุมศรีปราชญ์ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายลลิต ถนอมสิงห์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือ กปร. พร้อมด้วยนายธเนศ มณีกุล ผู้อำนวยการกลุ่มประสานงานพื้นที่ 41 สำนักงาน กปร.และคณะ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในเขตพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พลตรีสิทธิพร มุสิกะสิน รองแม่ทัพภาคที่ 4 นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ และนายถาวรวัฒน์ คงแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นายสมพงษ์ มากมณี ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการด้านบริหารจัดการน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของจังหวัดนครศรีธรรมราชร่วมรายงานความก้าวหน้าของทั้ง 3 โครงการ ทั้งในส่วนของโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ,โครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และโครงการวังหีบอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยในขณะนี้จังหวัดนครศรีธรรมราชได้เร่งดำเนินงานเพื่อชี้แจงสร้างความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่จะรับจากโครงการ รวมทั้งให้ความเป็นธรรม ความยุติธรรมในการดำเนินการแก่ประชาชนทุกฝ่ายทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบและผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับฝ่ายพลเรือน ตำรวจ และทหาร เพื่อขับเคลื่อนโครงการให้เสร็จสมบูรณ์โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม
โอกาสนี้รองเลขาธิการ กปร.กล่าวว่า พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี มีนโยบายในการขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยเร่งสานต่อโครงการที่ยังคงค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ หากมีโครงการใดที่ชำรุดเสียหาย ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมกันดำเนินการซ่อมแซมและปรับปรุงให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการทุกเดือน โดยมี กปร.เป็นแกนกลางในการพิจารณาและเร่งรัดการดำเนินงานโครงการ ทั้งนี้ในส่วนของโครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลกรุงหยัน อำเภอทุ่งใหญ่ เป็นโครงการขนาดกลางใช้พื้นที่ในการก่อสร้างทั้งหมด 6,847 ไร่ 3 งาน 53 ตารางวา แยกเป็นพื้นที่ป่าไม้ตาม พ.ร.บ.2484 จำนวน 634 ไร่ 1 งาน 02 ตารางวา ,พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 3,950 ไร่ 2 งาน 51 ตารางวา และพื้นที่ ส.ป.ก.4-01 จำนวน 2,266 ไร่ โดยขณะนี้ยังมีประชาชนที่มีความเห็นต่าง จำนวน 43 ราย ,โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ใช้ประโยชน์ที่ดินทั้งหมด จำนวน 2,616 ไร่ จำนวน 1,670 แปลง 2,126 ราย แยกเป็น ที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ 1,656 แปลง และที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ 14 แปลง ปัจจุบันมีการปักหลักเขตแล้ว 34.7 กิโลเมตร 1,612 แปลง 2,037 ราย ยังไม่ได้ปักหลักเขต 1.3 กิโลเมตร 58 แปลง โดยพื้นที่ที่ยังไม่สามารถปักหลักเขตได้ อยู่บริเวณพื้นที่ตำบลไชยมนตรี จำนวน 58 แปลง ราษฎรถือครอง 51 ราย ข้อมูลถึงปัจจุบันมีการเจรจายินยอมแล้ว 35 แปลง ราษฎร 31 ราย ไม่ยินยอม 19 แปลง ราษฎร 16 รายและอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 4 แปลง ราษฎร 4 ราย และโครงการวังหีบอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ใช้ประโยชน์ที่ดินทั้งหมด 828 ไร่ ประกอบด้วย พื้นที่หัวงานเขื่อน 70 ไร่ พื้นที่อ่างเก็บน้ำ 526 ไร่ พื้นที่ถนนเข้าหัวงาน 90 ไร่ และพื้นที่บ่อยืมดิน 142 ไร่ แยกเป็น พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าปลายคลองวังหีบ เนื้อที่ 828 ไร่ และมีพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1A เนื้อที่ 118 ไร่ ทับซ้อนอยู่ ซึ่งการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณหัวงานเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ รวม 596 ไร่ เป็นพื้นที่ที่มีราษฎรเข้ามาครอบครองและทำประโยชน์ มีราษฎรได้รับผลกระทบ จำนวน 70 ราย แยกเป็น ลงลายมือชื่อยินยอมแล้ว จำนวน 50 ราย ยินยอมแต่ยังไม่ได้ลงลายมือชื่อ จำนวน 10 ราย และคัดค้านโครงการฯ จำนวน 10 ราย ซึ่งการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริครั้งนี้ ทางคณะได้ร่วมหารือและพิจารณาถึงแนวทางการดำเนินงานโครงการฯ ในระยะต่อไปด้วย
อุไรวรรณ/ข่าว/ภาพ
จุรีรัตน์/ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
7 พฤศจิกายน 2561